
เช้านี้หลังจากเอาของสวัสดีปีใหม่ อ.สุกรีแล้ว ก็มาทานก๋วยเตี๋ยวแม่กัน

ช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุดของแม่ คือลูกกลับมาบ้าน จริงๆแล้วกลับมาคนหนึ่งยังดีกว่าไม่มีใคร แต่ถ้ากลับมาพร้อมกันทั้งสองคนย่อมดีที่สุด
ตามคำเรียกร้องครับ ไม่ว่าเมืองจะชอบจริง หรือแค่เอาใจพ่อ ก็จะเอาให้ดูอีกรูปหนึ่ง มุมนี้ปรกติเราจะไม่ค่อยเลือเขียนหรอก เพราะพื้นทรายข้าหน้ามันว่างๆชอบกล แต่เขาก็เลือที่จะเขียน โดนเอารายละเอียดไปไว้ข้างหลังแทน เก๋ไปอีกแบบ
สีดิบ คือการใช้สีที่บีบออกมาจากหลอดโดยตรง ไม่ผสมกับสีอื่นใด ถามว่ารู้ได้อย่างไร ก็ต้องตอบว่าเพราะความชำนาญ ส่วนสีเบรคคือสีที่เจือสีตรงข้ามของมัน (ในวงจรสี)เช่นสีเขียวเราก็จะเจือสีแดงลงไปเล็กน้อย สีน้ำเงินเราก็จะเจือสีส้มลงไปนิดหน่อย ถามว่าแดงไหนล่ะ มากหรือน้อยแค่ไหน ก็ต้องตอบว่าความชำนาญเท่านั้นที่จะตอบได้ ไม่มีสูตรสำเร็จ มันเป็นรสนิยมด้วย
พื้นทรายระยะหน้าสุด ถ้าปกติเราก็จะมองเห็นเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เรียบๆ แต่สำหรับpaintingแล้วฝีแปรงคือรสชาติของสายตา คนดูจะอิ่มตาเมื่อเขามองเห็นท่าทีของฝีแปรงของผู้เขียนเคลื่อนไหวอย่างสนุกสนาน คนดูจะมองเห็นท่าทีของผู้เขียนในขณะนั้นได้ บางทีตาเห็นเท่านี้ เราก็เอาอารมณ์เข้าไปเพิ่มได้ บนพื้นที่ว่างๆนี้จึงมีเรื่องราวเกิดขึ้น
มุมหนึ่งที่ซ่อนไว้ข้างหลัง แม้แต่สีเขียวที่สดใสนี้ก็มีการเบรคสีนะ สีนั้นจึงไม่โดดออกมาทิ่มตาเรา การคุมโทนนี้อธิบายยากหน่อยคล้ายๆกับจับสีให้มันยึดต่อกันไม่ให้มันเสร่ออกมาแทงตาเรา การเบรคจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ให้มันสงบเสงี่ยมพร้อมใจกัน
มุมหนึ่งของนิทรรศการ กรอบรูปสำคัญนะว่าเลือกแบบไหนที่จะส่งเสริมงาน หรือการมีลูกเล่นเล็กๆน้อย บนพื้นขาวด้านล่างที่ตั้งใจเว้นไว้อย่างท้าทายความถูกต้อง
รูปนี้พ่อชอบนะ ภาพถ่ายอาจแสดงอาการกระเพื่อมของน้ำทะเลไม่ได้อย่างภาพเขียนนะ เวลาดูแล้วเหมือนกับน้ำทะเลมันจะกระฉอกออกมา เรือก็แคว่งไปมา พาลจะเมาคลื่นเอาได้ นี่คืออำนาจของฝีแปรง ทีภู่กันที่ป้ายลงไปที่ถูกจังหวะ
รูปชุดนี้อาจเป็นตัวอย่างหนึ่งในการจัดการกับภาพถ่ายที่เป็นต้นฉบับ กับภาพpainting เขาไม่เสนอความจริงทั้งหมด ส่วนพื้น หรือฟ้าเขาทำเป็นสีเรียบสองมิติ ไม่ได้แสดงให้เป็นท้องฟ้าที่เป็นอากาศ ก็น่าสนใจอยู่ ว่าทำไมไม่เขียนให้เป็นระบบความคิดเดียวกัน เพราะถ้าทำอย่างนั้นเขาก็มีเพียงฝีมือแค่เขียนให้เหมือนภาพถ่ายเท่านั้นสิ ความคิดจะอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้างั้นก็ไปดูภาพถ่ายสิ
ภาพที่แสดง ลองคลิ๊กขึ้นมาดูภาพใหญ่น่าจะได้นะ
อีกชิ้นที่เป็นของปีใหม่ที่จะให้ป้าหมอ เพราะอัศดามงคล รากคำหมายถึง ม้า คนจีนจะมาจากแซ่เบ้ แม่จึงเลือกตัวม้า ตัวนี้ไม่ใช่ของแพงนะ เพราะวัสดุไม่ใช่โลหะ คุณภาพของผิวจึงไม่ราบเรียบพอ แต่ไม่เป็นไร ของขวัญใช่ว่าจะต้องมีราคา เราดูที่น้ำใจ เพราะเขารวยกว่าเราเยอะ จนเงินซื้อได้ทุกอย่าง พ่อจึงให้ความสำคัญกับแพคเกจ เพราะเราเชื่อว่ามันจะสะท้อนถึงความตั้งใจของเราในฐานะผู้ให้ เวลาที่ทำก็สบายใจนะ มีความสุขด้วย
วันนี้ไปดูนิทรรศการศิลปะมา เป็นรุ่นน้องของพ่อ ก็ไม่ใช่ศิลปินดังอะไร แต่พ่อเห็นว่าคนนี้มีทักษะที่ดีมากคนหนึ่ง ภาพทั้งหมด(ในนิทรรศการ) น่าจะเขียนจากภาพถ่าย ดูแล้วก็มีฟิลลิ่งภาพถ่ายอยู่ แต่ประเด็นที่เอามาดูคือ การแปลภาพถ่ายมาเป็นpainting ไม่ง่ายนะ ลองดูเอาเป็นตัวอย่างภาพหนึ่งก่อน


ภายขยายรายละเอียดของภาพเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงการแปลภาพที่มาจากภาพถ่าย มาสู่ปลายภู่กัน อันนี้จำเป็นมากสำหรับpainter การใช้สีถ้าสังเกตดูแล้วจะเห็นว่า ทุกสีเบรค จึงคุมโทน อยากให้เมืองได้เห็นเทคนิคการใช้ใช้ภู่กัน อะไรลงก่อน ทีแปรงไหนลงหลัง ลองดู
ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว เราก็จะต้องหาอะไรพิเศษเล็กๆน้อยให้กับเพื่อน ปกติเราก็ไม่ได้หาของแพงหรอก เพราะราคานั้นไม่เท่าความตั้งใจของเราหรอก เราแสดงออกอย่างไรหรือ ก็ความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบไง แม่เป็นคนออกไอเดียเรื่องส้ม และกล่องบรรจุ พ่อเป็นเพียงคนออกแบบกราฟิคเท่านั้น ก็ดีไซน์เดิมๆทีคุ้นตาแหละ ฉลากทำทั้งด้านนอกและด้านในคำบรรยายโดยพ่อเอง ส่งมาให้อ่านเล่น
ก่อนที่แขกจะมากัน ลูกๆหลานๆก็มาถ่ายรูปร่วมกันก่อน สำหรับคนแก่แล้ว คงไม่มีอะไรชื่นใจไปกว่าได้เห็นลูกๆหลานๆมารวมกันอย่างงี้ วันนี้ ซาเจ็ก ไม่อยู่ด้วย ใครๆก็ถามถึง เมฆกับเมืองนะ ว่าสบายดีอยู่หรือเปล่า เมื่อไรจะกลับ...
บรรยากาศรวมๆที่ ส.บ.ล. มีจัดกันรวม ๖ โต๊ะ โดยประมาณก็โต๊ะละหมื่นบาท งานนี้ก็ปาเข้าไป หกหมื่นกว่าบาทเข้าไปแล้ว แต่ก็เป็นความสุขของเจ้าของงานนะ เงินเขาหามานี่ เขาก็มีสิทธิ์ใช้






















