22 January 2009

พระอาจารย์อำนาจ

พระอาจารย์กำลังดูสถานที่ ชั้น4 ภายในหอศิลป์พระนางเจ้าสิริกิติ์ (ที่ที่พ่อเคยไปจัดนิทรรศการของมูลนิธิฯ)
ด้วยลูกศิษย์ของ พระอาจารย์อำนาจ (เป็นพี่ชายของป้าตุ่ม เคยเป็นศิลปินมาก่อน)กำลังจะจัดนิทรรศการศิลปะเพื่อหารายได้สบทบทุนการสร้างเจดีย์ที่วัดพระอาจารย์ มีศิลปินร่วมด้วยหลายคน พ่อกับแม่ก็ปวารณาตัวว่าสามารถช่วยจัดนิทรรศการได้ ในภาพนี้ก็เป็นการประชุมครั้งแรก

Malte Visit Bangkok 2

ภาพวันที่เราไปส่งที่สุวรรณภูมิ malte พยายามย่อตัวอย่างมากด้วย
เมื่อสองอาทิตย์ก่อน malteมาแวะกรุงเทพเพราะต้องมาเปลี่ยนเครื่องก่อนจะไปนิวซีแลนด์ เราก็ชวนว่าขากลับให้Stopover ที่กรุงเทพสิ ขากลับก็เลยมาอยู่ที่บ้านเรา 2 คืน แต่เพราะเป็นวันที่เมืองต้องเรียน และมีสอบด้วย ก็เลยต้องปรับกันนิดหน่อยให้เขาเดินเองที่ MBK บ้างแล้วก็ไปเตะบอลที่คณะเมืองบ้าง มีเพื่อนเอนเทอร์เทนก็ดีไปอีกแบบ
ภาพนี้เป็นคืนแรกที่มาถึงก็เลยทานอาหารเมนูเดิม คอนเฟล็ก+นม แม่มีแถมไก่ทอดด้วย แล้วก็นอนที่ห้องข้างล่างเลย

19 January 2009

แม่รักหมา แต่ก็กล้าๆกลัวๆ แปลกนะ ส่งมาให้ดูกัน

ผองเพื่อน

กลุ่มเพื่อนซี้เมือง ที่คณะมาทำงานกัน 2 คืน แต่เน้นไปทางทำงานฮาเฮมากกว่า แล้วก็มาเร่งเอาตอนนาทีสุดท้ายของเช้าวันจันทร์
ก็เป็นเรื่องน่ายินดีนะ งานยังไม่สำคัญเท่ามีเพื่อนหรอก เมืองน่าจะรู้ได้แล้วล่ะว่าทำไมพ่อแม่จึงไม่มีทางให้เมืองเลือกทางอื่นนอกจาก INDA จุฬา

17 January 2009

iPhone 3 G

วันที่16ม.ค. เป็นวันแรกที่ให้ผู้สั่งจองทางnet ไปรับเครื่องถูกกฏหมายได้แล้ว พ่อก็เป็นหนึ่งในผู้สั่งจอง แต่เมื่องไปถึง สยามพารากอนแล้ว ก็ถึงกับผงะ กับจำนวนผู้คนที่มารอรับเครื่องกันอย่างคับคั่งดังรูปที่เห็น คิวรอรับก็ยาว และมั่วพอสมควร ด้วยความที่ต้องเป็นคนเรื่องมากซักหน่อย พ่อก็กลับเลยดีกว่า วันหลังไปรับก็ได้วะ ไม่ได้เสี้ยนขนาดนั้นนี่หว่า

วันสุดท้ายสำหรับชุด ร.ด.

16 ม.ค. เมืองกลับมาจากฝึกภาคสนาม 5 วันของร.ด.ปี3 และก็เป็นวันที่ทุกคนรอคอย ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนทุกอาทิตย์มาตลอด 3 ปี วันนี้จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นเมืองแต่งชุดนี้แล้ว และก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นเมืองผมสั้นเช่นนี้อีกเช่นกัน
ตลอด5 วันนี้บังเอิญว่าอุณภูมิลดลงต่ำ จนเรียกว่าหนาวมาก แม่ก็แสนจะเป็นห่วงลูกชายกลัวว่าจะทนได้มั้ย

ตำนานแห่ง CISV

พี่จิโร่ ผู้เป็นดุจตำนานแห่ง CISV มาส่งเมืองที่บ้าน หลังจากที่พบกันข้างนอก น่าจะเป็นพี่ที่รู้ใจเมืองมากที่สุดคนหนึ่ง พี่จิโร่มีความคิดดีๆเสมอ มีโลกทัศน์กว้างไกล ทั้งในทางธุรกิจที่ก้าวหน้า และงานอาสาสมัคร พี่จิโร่ มักจะพูดชมบ้านเราเสมอ เมื่อครั้งที่มาคราวที่แล้ว คราวนี้มาได้เห็นชั้นล่างที่ปรับปรุงแล้ว เขาก็ว่าเขาชอบนะ

การทำงานเป็นจิตอาสา

ด.ช.โอเล่ อายุ10ขวบ ตัดขาไปข้างหนึ่งเพราะมะเร็งในกระดูก กำลังฉายแสงและให้ยาเช่นกัน ก็ร่าเริงแจ่มใสเหมือนกันเมื่อคนมาเล่นด้วย แม่ให้สมุดและสีทีจัดเป็นชุดๆนั่นแหละ เพื่อให้เขาสนุกเพลินไปกับการกินยาจำนวนมาก โอเล่เป็นเด็กน่ารักมาก พูดเก่ง "ขอบคุณครับ"เมื่อได้รับของนั้น
เมื่อวันพุธที่14นี้ แม่ไปที่รพ.รามาเพื่อไปเยี่ยมเด็กๆ ในโครงการ "จิตอาสา" ที่เคยเล่าให้ฟัง ก็ได้พบกับด.ญ.บิว อายุ 6 ขวบ เธอเป็นมะเร็งสมอง โกนหัวเพราะผ่านการผผ่าตัดมาแล้ว กำลังฉายแสงและให้คีโมอยู่เราทราบว่าเมื่อเธอไม่เจ็บปวดก็จะลงมาเล่นในห้องนี้ และร่าเริงแจ่มใส โดยที่ไม่รู้ว่าขณะนี้ได้พบมะเร็งอีกแห่งในช่องท้องของขวัญในมือของเธอทำให้เธอดีใจมากๆๆๆๆ (เป็นของที่ป้าสาฝากแม่มาบริจาคการกุศล แม่ก็เอามาจัดสรรส่งไปตามที่ต่างๆที่เห็นว่าได้ประโยชน์สูงสุด) เพราะไม่เคยมีของเป็นของตัวเองอย่างนี้เลย และเธอก็บอกว่า "หนูชอบมากค่ะ จะไม่ให้ใครดูเลย"
ปกติสถานที่แห่งนี้เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ แต่วันนี้แม่คงขอเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกครั้งทีแม่กลับมาจากการเป็นอาสาสมัครโครงการนี้ แม่จะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ทำประโยชน์ให้กับผู้ด้วยโอกาส ผู้ป่วย ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งเนอะ ผู้ทำก็เป็นสุข ผู้ได้รับก็เป็นสุข ผู้ที่พบเห็นหรือได้ยินเรื่องนี้ก็เป็นสุข เช่นนี้ก็ครลองค์ประกอบที่เรียกว่า "ทำบุญ" แล่วล่ะแม่

11 January 2009

เปิดร้านขนม (ภรรยา)ลุงมอร์ไซด์

ดูศิลปินแต่งตัว

เป็นร้านเหล้าเล็กๆที่อยู่อีกฝั่งของกลุ่มอาคารนี้ ที่ลุงมอร์ไซด์ไปช่วยทำให้


อะไรๆก็เป็นโต๊ะเก้าอี้ได้

ความไม่เข้ากันเป็นสิ่งท้าทายกับศิลปินเสมอ แต่นักออกแบบจะไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้

นี่นับเป็นการ "ปล่อยของ"ก็ว่าได้ สารพัดเก้าอี้ ที่ใช้อยู่ ที่สะสม ของเขาเอง ของสถาปนิก เอาออกมาโชว์กัน โดยมีพื้นที่ลุงมอร์ไซด์เพิ่งวาดสดๆในตอนเช้า มาเป็นพรม และแสดงขอบเขตไปในตัว

บริเวณสนามหน้าร้าน ใช้ป็นที่จัดงาน ในยามค่ำคืน ก็คลาคล่ำไปด้วยคน ทั้งจากกรุงเทพ และคนเชียงใหม่ เพราะลุงมอร์ไซด์เป็นคนมีเพื่อนเยอะ (มาก) ในเดือนหน้านิตยสารหลายฉบับก็จะลงงานนี้ในหน้าสังคม หลายคนที่มางานก็เพราะงี้ด้วย ต้องอยู่ในกระแสด้วย แต่พ่อกลับก่อนเพราะไม่ชอบเจอคนเยอะๆอย่างงี้ โดยเฉพาะสาวๆนางแบบทั้งนั้น

ศิลปิน ไม่เรื่องมาก กางผ้าแล้วเขียนเลย เหมือนกับภาพมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว เพียงแต่เขียนออกมาเท่านั้นเอง ชุดศิลปินก็ยังมันตลอด รองเท้าแทนที่จะถอดออก กลับเอาถุงพลาสติกมาสวมทับแทน จะได้ไม่เลอะ (งานหรือรองเท้าไม่รู้)

ทางขึ้นขั้นสองที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่เขาปลูกเองทั้งหมด

อีด้านหนึ่งของห้องชั้น2

ชั้นบนเมื่อมองออกไปด้านนอกที่มีต้นไม้แขวนไว้ เวลามาบ้านลุงมอร์ไซด์อย่างงี้ เรามักจะได้รับแรงบันดาลใจอะไรแปลกๆเสมอ เหมือนๆกับว่า อะไรๆก็สามารถเป็นไปได้ทั้ง ถ้าเรากล้าทำ

อ่างล่างจานชามที่อยู่นอกห้อง เป็นประติมากรรมเลย เรียกอีกอย่างว่า Functional Object ก็ได้

มองย้อนกลับไปที่ร้าน มองเห็นชั้น2ด้วย

ลานทางเดินเมื่อมองจากตัวร้านออกไป ศิลปินจัดทุกอย่าง พอดีไปหมด เหมือนกับพื้นที่นั้นเป็นเฟรมผ้าใบ วัตถุต่างๆต้องจัดวาง หรือเรียกว่างาน Installation ก็ได้ คือการจัดวางต้องสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมด้วย

เคาท์เตอร์ที่ใช้ปีไม้ซุงมากระกอบ ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ

ภายในร้านมองออกไปทางเดินด้านนอก

เก้าอี้นั่งที่เรารู้สึกได้ถึงการให้เกียรติกับลูกค้า เขาเอาของดี ของรักของเขามาให้เรานั่งนะนี่

หน้าร้านเมื่อมองจากถนน ชื่อร้าน Mood Mellow ส่วน "แผลงฤทธิ์"นั้นเป็นบริษัทสถาปนิกคลื่นลูกใหม่ ไฟแรง ก็ขนาดชื่อบริษัทยังกล้าขนาดนี้ ก็ยอมรับแล้ว

ลุงมอร์ไซด์ย้ายไปอยู่เชียงใหม่นานพอสมควรแล้ว ภรรยาแก(น้าเกศ) เลยเปิดร้านขนมเค้ก เน้นร้านสวย และขนมอร่อย เปิดร้านเป็นทางการในวันที่ 10ม.ค. นี่เอง แต่พอไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้ ก็เลยขอไปแบบไปเช้าเย็นกลับ (งานมีตอนค่ำยันดึกๆเลย) ค่าตั๋วเครื่องบินแพง แม่เลยปล่อยให้พ่อไปคนเดียว

05 January 2009

Malte Visit Bangkok


Malte จะต้องมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลายชั่วโมง ก็เลยนัดเราเพื่อไปทักทาย (โทรมาบอกก่อนแล้ว) พ่อไปรับเมืองจากคณะและเขาก็ออกมาเจอกัน ประมาณ45 นาที Malte เป็นหนุ่มแล้ว ล่ำปึก สูงใหญ่ ตั้งใจว่าอนาคตจะเป็นนักบิน และไม่ลืมที่จะชวนเราไปเยอรมันตามเคย

CISV Meeting

ภาพหมู่รวมผู้ปกครองด้วย ก็คุยกันสนุกดีทุกๆคน
เมื่อวันอาทิตย์ที่4 เพื่อน CISV Interchange Germany นัดพบกัน ที่ภัตตราคารจันทร์เพ็ญ ถ้าครบๆจะต้องมีชาย5คน หญิง 5 คน (ที่ขาดไปคือ อิฐ นิว อาย เตย ...)

04 January 2009

ปีใหม่ที่ชะอำ

อาหารกลางวันก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไป ผู้หญิงที่นั่งข้างๆแม่คือ ออร์แกน คนที่บอกความหมายของเพลงที่เมฆส่งมาให้แม่ ถึงกับทำให้แม่น้ำตาเอ่อด้วยความตื้นตัน ส่วนผู้ชายอ้วนที่นั่งข้างๆชื่อ อ็อบ เป็นเพื่อนสนิทขิงเตย เพื่อนสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนเตยกลับไปก่อนแล้ว
เช้าวันที่3 เด็กๆยังหลับกันข้างบน พวกผู้ใหญ่เลยลงมานั่งคุยกันที่ห้องเรา อีกวันก็ย้ายมาเล่นกันที่บ้านเรา ภายถ่ายโดยดิว อากาศเย็นขึ้น และลมแรงมาก กลางคืนไม่ต้องเปิดแอร์เลย
ครอบครัวน้าเดียร์ก็มา ก่อนจะแยกไปอีกที่หนึ่งในวันที่2ม.ค.
รองเท้าหน้าห้อง ไม่นับพวกที่เดินออกมาทานข้าวที่ระเบียงนะ
ระหว่างรอเคาท์ดาวน์ พวกผู้ใหญ่ก็มาเล่นป็อกเด้งกัน เสียงดังมาก
อาหารเย็นวันสิ้นปีเก่า ก่อนที่สรวลเสเฮฮากันยันเช้า งานนี้พิสูจน์แล้วว่า "มุก"ของเมืองนั้นไม่ย่อยเชียว ทั้งจะหวะและลีลา สมเป็นถาปัตย์
งวดนี้ใช้ห้องป้าแจ๊ดเป็นศูนย์กลาง ที่ไปด้วยก็มี ๑ บ้านป้าแจ๊ด (ป้าแจ๊ด แบ็งค์ แพร์ พีช) ๒ บ้านป้าตุ๊ก (ป้าตุ๊ก น้าอ๋อ ต๋อ เตย และเพื่อนเตยที่อยู่มหิดลอีก๓คน ๓ บ้านป้าหมอ (ป้าหมอ ลุงหมอ พี่หมู เป้และแฟนเป้) ๔ บ้านป้าวารี (ลุงต้อง ป้าวารี และบิ๊ก) ๕ บ้านลุงหวัด (ลุงหวัด ป้าอ๋อย และอ๊อบ) ๖ บ้านป้าสุ (ป้าสุ และธีม) และสุดท้าย ๗บ้านเราเอง (พ่อ แม่ และเมือง) รวมแล้วก็ 28 คน เยอะเอาการเชียว แต่ทุกคุนก็บอกว่า เมฆน่าจะมาด้วยกันนะ
เรื่องอาหารการกินในช่วงวันหยุดลองวีคเอนด์เป็นเรื่องน่ากลัวมาก โดยเฉพาะมีจำนวนคนมากขนาดนี้ แต่การทำอาหารเองก็ใช่จะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเมื่อมีป้าตุ๊ก และป้าอ๋อย เป็นโต้โผทำอาหารเช่นเคย
และสุดท้ายก็แล้ว วันเดือนปีก็ผ่านไปเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา ปีแล้วปีเล่า ลูกๆก็โตขึ้น ส่วนพ่อแม่ก็แก่ขึ้นเหมือนกัน ชีวิตของพ่อแม่ก็เริ่มนับถอยหลัง ส่วนชีวิตเมฆเมืองกลับเพิ่งจะเริ่มนับหนึ่ง ดังนั้นอย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปอย่างเสียเปล่าเลยนะ ณ นาทีนี้ของทั้งเมฆ และเมือง ก็อยู่ในจุดที่เรียกว่าเริ่มต้นได้สวย สวยกว่าอีกหลายๆคน ยากยิ่งกว่านั้นคือการรักษาระดับ และทำให้ดีขึ้นไปอีก พวกเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้สร้างตำนานได้ทั้งนั้น เพียงแต่ทำวันนี้ให้ดีเท่านั้นเอง อย่าคิดว่าเป็นแค่คำพูดหรูๆนะ ลองมองดูตัวเองเดี๋ยวนี้เถอะ

ของขวัญปีใหม่

ทุกๆปีใหม่ ครอบครัวเราจะจัดเตรียมของขวัญสำหรับคนหลายกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนี้คือป้าๆ ลุงๆ เพือนๆกลุ่มว่ายน้ำเก่านั่นแหละ ของเล็กๆน้อยๆ ราคาไม่สูงนะ แต่เราก็แสดงถึงความตั้งใจทำทุกๆครั้ง
แจกันนี้เราซื้อมาจากลำปาง (ตอนที่เราไปปล่อยช้าง) ส่วนกิ่งไม้แห้งนั้นเก็บเอาที่คอนโดนี่เอง(ชะอำ) บวกกับการ์ดง่ายๆใบหนึ่ง ก็แจ๋วแล้ว
และแล้วคุณแม่ก็ยอมรับ “แผ่นฟองน้ำเอนกประสงค์” อย่างที่พ่อและเมฆเคยแนะนำ แต่แม่ก็แอนตี้มาตลอด ก็ใช้ผ้าขี้ริ้วก็ได้ ไม่เห็นต้องซื้อเลย ...เปลือง แล้ววันหนึ่งแม่ก็บอกว่า “ไอ้นี่นี่ดีจริงๆ” อันที่จริงการบอกว่าฟองน้ำนี้ดีน่ะ มันไม่ยากเท่ากับการยอมเสียฟอร์มที่ยอมรับกับเรื่องตัวปฏิเสธอย่างหนักกับพ่อมาก่อนนะ ..เรื่องนี้นี่ต้องชมคุณแม่นะว่า เก่ง ที่กล้าที่จะยอมรับ ..อันนี้นี่พ่อชมจริงๆนะ

เพื่อน มาแตร์ มีทติ้ง ปีใหม่




วันจันทร์ที่ 30 ธ.ค. เพื่อนแม่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ แม่ก็เลยนัดเพื่อนเพื่อนมาแตร์มาทานข้าวที่ปัน ปัน พร้อมกับเป็นงานปีใหม่ไปในตัว แม่ก็เลยจัดหาของทะลึ่งทั้งหลายที่มีอยู่บ้างที่บ้าน และก็หาซื้อใหม่บ้าง ก็ประสบผลสำเร็จดี เพื่อนๆ กรี๊ดกันด้วยความสนุกสนานกับไอเดียของแม่
จริงๆก็มีหลายรูป แต่เอามาลงเดี๋ยวจะน่าเกลียดเกิน
เที่ยวหน้าไปเที่ยวกันคงต้องซื้อมาอีกแน่เลย (แต่ถ้าพ่อบอกให้ซื้อนะแม่ต้องปฎิเสธ)

สวัสดีปีใหม่ อ.สุกรี

บ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ เรียบง่ายที่สุด แต่ได้ผล
อาคารที่ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้เงินงบประมาณมาสร้างได้ขนาดนี้ เสาที่เห็นตรงกลางนั้นก็จะเชิญศิลปินมาสร้างให้เป็นศิลปะด้วย
ส่วนที่จะขยายต่อออกไปอีก ในพื้นที่ว่างนั้น
การตกแต่งภายใน
ตึกเรียนส่วนที่ขยายออกมา และเริ่มใช้งานแล้ว อีกบรรยากาศหนึ่งภายในห้องสมุด ก่อนจะออกไปดูของเก็บฐานข้อมูลเพลง ดิจิตอล ที่ว่ามีเพลงอยู่ในระบบมหาศาล
ห้องสมุดที่ออกแบบทุกจุดแม้แต่ชั้นวางหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ ซึ่งคงไม่พบในมหาวิทยาลัยอื่นๆในประเทศไทยหรอก แม้แต่ของเอกชน
แนะนำห้องเรียนเกี่ยวกับซาวน์
มาที่หอประชุมหน้าบอร์ด TPO
นัดหมายจะไปสวัสดีปีใหม่กับ อ.สุกรี ที่คณะ แต่บังเอิญผู้ใหญ่คนหนึ่งก็มาเยี่ยมอาจารย์เหมือนกัน อ.สุกรีก็เลยชวนเราเดินดูตึกไปพร้อมกันเลย
เป็นความมหัศจรรย์มากที่วิทยาลัยนี้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างยิ่งจากคนๆเดียวเท่านั้น สิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างอาคารสถานที่นี่ต้องยอมรับจริงๆว่าสวย สวยกว่าทุกสถาบันที่มีในปรเทศไทยเลยก็ว่าได้ แม้แต่มหาวิทยาลัยที่มีคณะสถาปัตยกรรม และมัณฑนศิลป์ อย่างมหาวิทยาลัยศิลปากรก็เถอะ
ในภาพกำลังดูโมเดล ภาพรวมของอณาจักร