24 December 2008

โฉมใหม่ ของบาร์บีคิว

ไม่ได้มาทานที่นี่ซะนาน ที่เซ็นทรัลปิ่นนี่แหละ ปรับปรุงใหม่จนจำไม่ได้ เราไม่ได้มาทานกันบ่อยเพราะเวลาของแต่ละคนไม่ค่อยตรงกัน โดยเฉพาะของเมืองจะเป็นตัวแปรมากหน่อย เข้าใจได้ครับ ชีวิตนิสิต

23 December 2008

เมฆ in skype

เข้าสู่ยุคmultimedia อย่างแท้จริงด้วย ภาพ เสียง และกลิ่นมาม่าของเมฆ ที่ทำให้พวกเราหิวตามไปด้วย
ช้าไปหน่อยสำหรับพ่อที่เพิ่งลงโปรมแกรม Skype แต่ก็ยังไม่สายไปที่ได้ใช้กับเมฆวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ4เดือน(มั้ง) ที่แม่ได้เห็นหน้าเมฆแบบตัวเป็นๆ เคลื่อนไหวได้ แทนที่ได้เห็นจากบล็อก ตอนสมัยเมืองไปอิตาลี เวลาที่จะเล่น MSN แบบเห็นหน้ากันก็เป็นเวลาที่แม่รอคอยมาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมฆอาจต้องทนหน่อยหนึ่งนะ แต่ก็ทำให้แม่หายคิดถึงได้บ้างล่ะ

20 December 2008

Meeting ที่บ้านหยี่แปะ

ป้าตุ่ม จัดเตรียมพื้นที่ไว้ต้อนรับอย่างดี มีหลายโต๊ะ แต่ไม่มีใครไปนั่งเลย มายื่นๆจิ้มกินกันมากกว่า
ก็ดีนะมาเจอกันที อากงก็ชอบที่ได้เห็นลูกๆหลานมาคุยกัน ดีกว่ามาทะเลาะกัน แต่อากงมาถึงก็กินเลย
ด้วยเตาปิ้งบาบีคิวนี่ก็ทำให้สนุกดีเหมือนกัน และก็อร่อยดีด้วย ในถาพนี้คนที่กำลังปิ้งก็คือ ต๊อบ ส่วนเมือง และแม่ก็กำลังช่วยอยู่

บ้านป้าตุ่มนี้เพิ่งปรับปรุงมาได้ซักระยะหนึ่ง โดยนักออกแบบเพื่อนพี่ก้อง
วันเสาร์ที่20ธ.ค.นี่เอง ป้าตุ่มเชิญพี่ๆน้องๆ มาทานข้าวเย็นกันที่บ้าน ที่ไปก็มี อากง ตั่วโกว+ต๊อบ เพิ่งกลับมาจากอินเดีย (พี่ต้ากับใหม่ ไม่ได้มา) ป้าจุ๋ม+พี่ป๊อบ (ตั่วแปะ+พี่บี ไม่ว่าง) หยี่แปะ+ป้าตุ่ม+พีพลอย (พี่ก้องไม่ว่าง) บ้านซาแปะก็ไม่ได้มาเพราะไปปาย ส่วนซาโกวก็มาคนเดียวอยู่แล้ว และก็บ้านเรา

15 December 2008

ของขวัญจาก Dai Le

ได้รับของขวัญจากเมืองจีน มาจากไต้เล่อนั่นเอง เลยขอให้เมฆเมลล์ตอบว่าได้รับแล้ว และขอบคุณมาก พร้อมกับก็ขอให้เธอและครอบครัวมีความสุขเช่นกัน
โปรดระลึกไว้เสมอ ว่า ใจเขาก็ใจเรา เมื่อเราส่งของให้ใคร เราก็อยากจะรูปว่าเขาได้รับหรือเปล่า เขาชอบมั้ย... ถ้าเราไม่ได้รับตอบ เราก็จะน้อยใจนิดๆ ที่เขาไม่เห็นความสำคัญของเรา เพราะฉะนั้นการตอบรับ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก.. ว่ามั้ยครับ

มุมเก่าๆที่ชะอำ

มาชะอำหลายหนก็ไม่มีมุกที่จะหามุมใหม่ๆเอาซะเลย รูปนี้ถ่ายระหว่างที่กำลังเดินไปทานอาหารทะเลที่ร้าน สังเวียน ก็ไม่ได้อยากกินเป็นพิเศษ เพราะเมืองบอกว่า มากันแค่3คน สั่งอะไรได้ไม่ค่อยมาก แต่ถือเป็นการเดินดูเส้นทางให้เพื่อนๆที่จะมาที่คอนโดกัน 7-8 คนในวันพรุ่งนี้
แต่ในมุมเก่านี้คนก็เปลี่นไปนะ เมืองโตขึ้นเยอะ ทุกครั้งที่เดินริมทะเลมาทางนี้ แม่จะพูดถึงเรื่องที่เราเดินมากินกัน 4 คน เมื่อหลายปีก่อน ขากลับฟ้าก็มืดพอดี และน้ำขึ้นด้วย... แต่แม่มีความสุขมาก

เพื่อนๆเมือง

ห้องชั้นล่างเริ่มแปรสภาพเป็นสตูดิโอ ย่อมๆแล้ว เมืองชักชวนเพื่อนๆมาทำงานกัน ก็ดูสนุกสนานดี แม่ก็แฮปปี้เป็นธุระเรื่องอาหารการกิน สนุกไปด้วย ดีครับ เห็นทำงานแล้วคึกคักดี ..ว่าแต่ว่า ไหนคุยว่าสาวๆตรึมไง ไม่เห็นมีมาซักคนเลย..โธ่เอ้ย

10 December 2008


สุดท้ายนี้ แม่ก็ไปถ่านรูปกับดาราซักหน่อย คุณนิรุตน์ ศิริจรรยา พระเอกรุ่นเก่าฉายา โรเบอร์ต เรดฟอร์ด เมืองไทย ที่มาเป็นแขกของงานด้วย (ทุกครั้งที่บริษัทระดับนี้ออกงาน จะต้องเชิญดารามาเป็นแขกเสมอ เพื่อที่จะได้เป็นประเด็นข่าวด้วย)
ทุกคนก็ร่วมส่งช้างเดินเข้าป่ากัน ท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความสุข
"เปลี่ยนเชือกเป็นตัว" มีความหมายว่า เมื่อไรก็ตามที่เราเรียกช้างนั้นว่า "ตัว" ช้างนั้นก็มีอิสระ
แต่เดิมเราถูกสอนกันมาตลอดว่าช้างต้องเรียกเป็น "เชือก" ซึ่งก็ถูกเพราะเป็นช้างเลี้ยง แต่ช้างป่าเราต้องเรียกว่า "ตัว"
ไม่รู้ว่าถ้าเราตอบข้อสอบแบบนี้เราจะได้คะแนนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ..นี่แหละการศึกษาไทย

ก็เป็นธรรมดาที่คนระดับประธานของกลุ่มบริษัท ICC มาแล้วมีการถ่ายภาพกัน แต่ด้วยเป็นบริษัทชั้นนำก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์กันอย่างมืออาชีพ เราก็เลยเห็นกันทั้ง 2 มุม

ขั้นตอนการให้ผลไม้
ในพิธีมีหลายขั้นตอน มีพิธีสงฆ์ พิธีพรามณ์ มีการเจิม หลายๆคนก็เข้าไปทักทายกับช้าง แม่ก็ด้วยแต่ก่อนจะร่วมในพิธี คุณศิวะพาไปดูสุสานช้าง ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติแก่กัน มีป้ายบอกชื่อ ระบุปีเกิดปีตาย เช่นเดียวกับคนเหมือนกัน

เราเข้าไปที่แคมป์1 สำนักงานก่อนเพื่อรวมพลกับชาว แอร์โร่
คุณรจนายังแซวแม่เลยว่า ไฮโซมากเลยหนู
(คุณรจนานานี่ มาแตร์เหมือนกัน คุยเก่ง อัธยาศัยดีมาก) เราเข้าไปในแคมป์ 3 ก่อน (มี3แคมป์ ไม่ไกลกันนัก) เพื่อไปดูช้าง2 ตัวที่เข้ามาใหม่ ที่ตัวมาปรับสถาพตัวเองก่อน แม่ก็เกิดความกล้ามาก ขนาดเดินลงไปจับช้างเป็นครั้งแรกในชีวิตทีเดียว
หลังอาหารเช้าแล้วเราก็เดินทางเข้าป่ากัน ก็ไม่ใช่เป็นป่าทึบอะไรนะ แต่ทางก็ลำบากพอควร โดยเฉพาะในฤดูฝน คุณศิวะพรใช้ GPS ตรวจดูเส้นทางตลอดตั้งแต่กรุงเทพ ใช้คำนวณเวลาเดินทาง ดูร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน จุดตั้งด่านของตำรวจ และบันทึกเส้นทางแผนที่ของต้นเองด้วย เมื่อใช้สัมพันธ์กับ กูเกิ้ลเอิร์ธ แล้วก็น่าอัศจรรย์มาก เขาใช้เทคโนโลยี่ อย่างคุ้มค่าเสมอ และทันเหตุการณ์ตลอด

ที่ลำปาง (ต่อ)

ระหว่างอาหารเช้าในโรงแรม


แต่ก็ทำมาตลอดทุกครั้งที่ไปเที่ยว และก็คงทำตลอดไปร่วม 30 ปีแล้วมั้ง ที่พ่อเฝ้าถ่ายรูปแม่ ตั้งแต่จีบกันตอนอยู่ช่างศิลป์แล้ว เราก็ใช้กล้องนี่แหละเป็นที่แอบมองเค้า เมื่อเราเรียกให้เขามองกล้อง เขาก็ต้องมอง พอรูปออกมาเราก็รู้สึกว่าเขาก็มองเราเหมือนกัน...น้ำเน่ามั้ย
ที่จริงเป็นโรงแรมเก่า แต่ปรับปรุงใหม่ ทำได้สะอาดอะอ้านดี โดยเฉพาะที่สวนที่ทำเป็ร้านอาหารของโรงแรมด้วย

เช้านี้เราตื่นเช้าลงมาเดินข้างล่างชมโรงแรม เรื่องชื่อ "เวียงลคอร" นี่ก็แปลกดีนะทำให้พ่อต้องไปอ่านภาษาอังกฤษเพื่อเทียบเคียงกับภาษาไทยว่าเราอ่านถูกหรือเปล่าวะ

ทริป ไปปล่อยช้าง

บรรยากาศในห้องแสดงก็คล้ายๆกับมี่อิมแพ็คของกรุงเทพแหละ แต่เล็กกว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเซรามิคจานชามทั่วๆไป มาพบร้านนี้ โอเคเลย มีความเป็นอาร์ตสูงที่สุดของงานนี้แล้ว แถมราคาถูกด้วย พ่อก็ซื้อมาแต่บ้านเหมือนกัน
หลังอาหารก็ชวนกันไปเดินชมงาน “เซรามิคแฟร์”กัน ของลดราคาแบบนี้ แม่ก็ได้ไอเดียซื้อมาสำหรับเป็นของปีใหม่ด้วย
เราไปถึงลำปาง ตอนเย็นๆ เข้าพักที่โรงแรม “เวียงลคอร”(อ่านยากหน่อย) โรงแรมเก่าแต่ปรับปรุงใหม่แล้ว ก็โอเค โดยเฉพาะส่วนของสวนอาหาร ค่ำนี้มาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิอีก 3 คนด้วย
หน้าร้านยังมีของขายอย่างที่เห็นด้วย ส่วนตัวเจ้าของนั้น ห้าวสุดๆ ชนิดที่เรียกว่าไล่ ส.ส.รัฐบาลไม่ให้กินมาแล้ว วันนี้ก็ยังคงประกาศตัวแบบไม่ต้องเกรงใจใครเลย นี่แหละที่เขาเรียกว่า “ทำด้วยใจ”






ผ้าปูโต๊ะที่ทำขึ้นเฉพาะ รูปภาพติดผนัง เด็กเสริฟที่ใส่เสื้อเหลือง ที่สำคัญในร้านก๋วยเตี๋ยวนี้ยังมีดนตรีสดๆเล่นให้ฟัง ไม่แค่เป็นเพลงเพื่อชีวิตธรรมดา แต่เป็นเพลงพันธมิตรที่เคยร้องบนเวทีมาแล้วทั้งนั้นคือ..ด่ารัฐบาล ฟื้นความหลังดีเหมือนกันแวะทานข้าวเที่ยงที่ จ.นครสวรรค์ ก็มาพบร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ “วัดดงมูลเหล็ก” เจ้าของร้านเป็นพันธมิตรตัวจริงเสียงจริงขนาดไหนโปรดดูจากภาพ



วันที่8-9 ธ.ค.นี้ พ่อกับแม่มีโอกาสร่วมคณะเพื่อร่วมในพิธีปล่อยช้าง(โดยผลิตภัณฑ์แอร์โร่เป็นเจ้าภาพ) ของมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ (คุณศิวะพร-เจ้านายพ่อ) ที่จังหวัดลำปาง ออกเดินทางโดยรถยนต์ของคุณศิวะพร ประมาณซัก 9.30 น. ในภาพที่นั่งโต๊ะแม่คือคุณรจนา ภรรยาของคุณศิวะพร เจ้านายพ่อเอง


07 December 2008

ร้านปันกัน

ภาพหน้าร้านปันกัน อยู่ที่เสรีเซ็นเตอร์ กองกระเป๋าเดินทางหน้าร้านนั้น ไม่ใช่นะ
ภาพภายในร้าน ก็มีของสัพเพเหระ ของบนรถเข็นคือของที่แม่นำไปบริจาค

ร้านปันกันไม่รู้คุณแม่ไปได้เรื่องนี้มาจากไหน ว่ามูลนิธิยุวพัฒน์ ได้รับของบริจาคมา ซึ่งหลายอย่างก็ยังดีพอที่จะเอามาขายได้ เงินที่ได้ก็จะเอาไปช่วยด้านการกุศลต่อ ซึ่งแม่ก็เห็นด้วยจึงเก็บของที่ไม่ได้ใช้ที่บ้านมาบริจาค

ประชุมครอบครัว

เนื่องจากอากงรู้สึกสุขภาพไม่ค่อยดี แล้วก็คงมีใครคุยถึงเรื่องความตายให้ฟัง จึงกลัวว่าลูกๆจะตีกันวุ่นวายกับสมบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดันมี2บ้านอีก ก็ยิ่งกลัวใหญ่ อีกทั้งยังกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลยามเจ็บป่วยอีก จึงเรียกลูกๆมาปรึกษากัน 6 คน (ตั่วโกวไม่ได้มา) สังเกตอีกอย่างว่า ลูกสะใภ้ก็ไม่ได้มานะ คงเพราะถือว่าเรื่องพี่น้องเขา เราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า เรื่องก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก ทุกคนก็บอกว่าอากงกังวลเกินกว่าเหตุแล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจทุกฝ่าย ก็จะทำเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ด้วย
พี่น้องพ่อออกจะห่างๆกันบ้าง วันนี้ก็เลยมีโอกาสนั่งคุยกันอยู่นานด้วยเลย

พระจันทร์ยิ้ม

พระจันทร์ยิ้มปรากฎการณ์ที่ดาวโคจรมาอยู่ในจังหวะที่พอดี จึงทำให้เห็นเป็น "พระจันทร์ยิ้ม" ที่ USA เห็นอย่างงี้หรือเปล่า
ภาพนี้ถ่ายจากหลังบ้านเราเอง ต้องคลิ๊กดูภาพใหญ่นะ จึงจะเห็น

อุบัติเหตุ

วันถัดมาก็ยังต้องมาทำแผลอีก ทุกวันหรือวันเว้นวัน และมาถอดไหมในอีก 1 สัปดาห์
ไม่ถ่ายรูปวันที่โดนบาดใหม่ๆมาให้ดู เพราะเลือดแดงจนดูโหดเกินไป
อาทิตย์ที่2ธ.ค. ในขณะที่เมืองกำลังทำงานเพื่อที่จะส่งในวันจันทร์ที่ 3 กับเพื่อนๆที่บ้านนั้น ก็มีเหตุ มีดคัตเตอร์ บาดนิ้วเข้าให้ แม้เลือดจะไหลกระฉูด แต่เมืองก็มีสติดีมาก เดินไปรพ.ธนบุรี2หน้าบ้านกับพ่อ (รถแม่เอาออกไป รถวอลโว่ก็เกิดแบ็ตหมดซะอีก) หมอจับเย็บ 4 เข็มแต่ที่สำคัญคือหลังจากนั้น พ่อและแม่ก็เลยต้องมาช่วยทำงานต่อจนดึก เมื่อสองอาทิตย์ก่อนพ่อเพิ่งเตือนเมืองไปว่า มีงานต้องรีบทำให้เสร็จ อย่ารอไว้จนวันสุดท้าย เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ เช่น คอมเจ้ง พริ้นเตอร์หมึกหมด คัตเตอร์บาดนิ้ว... ไม่นึกเลยว่าจเกิดขึ้นจริงๆ