30 January 2007

นเรศวรมหาราช

แปลกมั้ยครับ ที่พ่อสามารถพาแม่กับยายมาดูหนังด้วยกันได้ "ตำนานพระนเรศวรมหาราช" หนังฟอร์มใหญ่เหมือนกับ สุริโยทัย พ่อจองที่นั่งแบบพิเศษ ใหญ่ และปรับเอนนอนได้ มีผ้าห่มให้ด้วย แถมเสริฟป๊อบคอร์นและโค้กถึงที่ เป็นที่ประทับใจทั้งสองท่านมาก

ชะอำ พักผ่อนบ้างแม่

สองสัปดาห์แล้วที่แม่แกร่วอยู่กับบ้าน นั่งๆนอนเพราะยังเดินไม่คล่อง พ่อเลยขอให้มาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แม่จะไม่ชอบมาเลยถ้าไม่มีลูกมาด้วย พ่อก็รู้ แต่ก็อยากให้แม่เปลี่ยพฟติกรรมบ้าง จะได้อารมณ์ดีขึ้น
รูทีนอาหารมื้อเย็นสำหรับแม่คือไปกินข้าวต้มปลา คนละชามแล้วก็กลับ ไม่เดินตลาดเหมือนเคย โธ่..อุตสาห์ขับรถมา 20กม.กินข้าวต้ม แล้วขับกลับอีก20กม.คุ้มหรือเปล่านะ
กิจกรรมโปรดของคุณยายเมื่อน้าเดียร์ น้าก๋งมาด้วย คือการออกไปซื้อปูมากิน อย่างเมามันมาก
คุณดิวกับความทะเล้นเหมือนเคย แต่ก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกันเท่าไร

ข่าวร้าย หรือข่าวดี

วันที่๒๖ แม่ไปตรวจหามะเร็งเต้านม ตามกำหนดนัดหมายประจำปี หลังจากตรวจ เมมโมแกรม และอัลตร้าซาวด์ พบว่ามีก้อนเนื้อชิ้นเล็กๆ แต่ยังพบความผิดปรกติ หมอจึงนัดติดตามผลอีครั้งใน ๖เดือนข้างหน้า ผลการตรวจนี้ทำให้แม่ซึมไป ด้วยเข้าใจว่าทำไมจึงเดิดเรื่องไม่ดีซ้ำแล้วซ่ำเล่านักหนานะ แต่สำหรับพ่อ ก้อนเนื้อนี้ยังไม่นับว่าเป็นมะเร็งเลย การตรวจพบนี้จึงน่าจะนับว่าเป็นข่าวดี ที่เราพบก่อน ก่อนที่มันจะเป็นอะไรด้วยซ้ำ ทำให้เรากลับมาตรวจอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่สำหรับแม่แล้วพ่อก็เข้าใจ ใครไม่เป็นคงไม่รู้หรอก สุดท้ายพ่อก็บอกกับแม่ว่า "ผมจะไม่ปฏิบัติต่อคุณเหมือนอย่างผู้ป่วยนะ เพราะคุณยังไม่ได้เป็นอะไรเลย"

26 January 2007

composition of hank's foto 2

งานcomposition 5 ชิ้นนี้ลองทำให้เมืองดู (เมฆดูด้วยก็ดีนะ) เพื่อเป็นไอเดียในการจัดการรูปของเราจำนวนมาก หากเรานำมาทำอะไรซักหน่อย ก็เปิดนิทรรศการเดี่ยวได้แล้ว ไม่ได้ให้ทำตามนี้ นี่เป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ไอเดียหนึ่งเท่านั้น ลองดูก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันต่อ ภาพหนึ่งจะเป็นภาพต้นฉบับเดิมของเมือง อีกภาพที่คู่กันเป็นภาพที่ลองเอามาวางใหม่ ให้เป็นฟอร์มใหม่ เรื่องใหม่ แล้วก็เลยติดการ์ดสีเทาให้ดูซิ สวยขึ้นตั้งเยอะ





composition of hank's foto

หากเรามองเห็นผลลัพภ์เช่นรูปนี้แล้วละก็ เวลาเราจะถ่ายรูปก็ทำให้เราถ่ายแบบมีประเด็นขึ้น เห็นมั้นว่าการทำcomposition ซักชิ้นไม่ใช่เรื่องยากหรอก แค่กล้าเท่านั้นเอง
พียงภาพธรรมดา2ภาพ เมือนำมาวางใหม่ความหมายก็เปลี่ยนไป
จาก3ภาพที่ว่าก็เอามาทำงานในโฟโต้ชอปสักครู่หนึ่ง แล้วก็สมมุติว่ามาติดการ์ดสีเท่า เท่านี้ก็พอเอาออกแสดงได้หรือยัง
หลังจากที่เราได้คุยถึงโครงการนิทรรศการภาพถ่ายของเมืองแล้ว พ่อก้ลองดึงรูปของเมืองขึ้นมาบางส่วน เช่น 3 รูปนี้ เพื่อมาทดลองทำอะไรเล่นๆ ใช้เวลาไม่นานหรอก เพื่อให้เห็นว่าภาพถ่ายของเรามีศักยภาพเพียงใด

25 January 2007

ปลูกต้นไม้

ต้นปีบ คงต้องใช้เวลาอีกนานพอควรเลยล่ะกว่าจะโต แต่นโบายของเราไม่อยากซื้อที่โตแล้วเพราะมันแพงกว่ากันมาก (ต้นละ3พันกว่าบาท) ก็รอหน่อยก็ได้นะ
ต้นไผ่ที่ปลูกมาตั่งแต่ปลูกบ้านนั่นแหละ ตอนนี้สุขภาพมันไม่ดีเลย ก็เลยตัดทิ้งไปเลยดีกว่า เปลี่ยนเป็น "ต้นปีบ" แทนถ้าจะดี
ระหว่างที่แม่พักอยู่บ้าน ก็คิดปรับปรุงบ้านไปด้วย ต้นไม่สองต้น(ซ้ายสุดกับขวาสุด) เราเอามาปลูกนอกบ้าน ต้นซ้ายเป็นต้น สัตบัน เมื่อโตขึ้นจะเป็นร่มเงาให้กับห้องนั่งเล่นของเรา ไม่ให้ผนังร้อนเพราะแดดบ่าย ส่วนต้นขวาเป็น เหลืองปรีดิยาธร เป็นไม้ดอก ดอกจะสีเหลือง ที่เราเอามาปลูกนอกบ้านก็เพื่อจะให้เรามองเห็นแม้จะไม่ได้อยู่ในที่ของเรา ซึ่งบางทีในอนาคตอาจจะเป็นของเราก็ได้นะ หรือถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เราก็ยังได้เห็นต่อไปอยู่ดี

22 January 2007

งานศพแม่ลุงหมอ

งานศพเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป ในวงกลมทางซ้ายเป็นพวงหรีดดอกไม้สด ที่แขกนำมาเพื่อแสดงความเสียใจ แต่ก็มักเป็นที่ถกเถียงกันเสมอว่าจะมีประโยชน์อะไร พวงล่ะ 500 -พันกว่าบาท เสร็จงานแล้วก็เอาไปทิ้ง ในวงกลมทางขวาเป็นสื่อใหม่ ที่แสดงผ่านจอพลาสม่า ซึ่งจะมีสไลด์โชว์สั้น เพื่อระลึกถึงผู้ตาย ต่อด้วยรายชื่อผู้ที่แสดงความเสียใจ เข้าใจว่าจะมีบริษัทรับทำนะ แต่นังไม่แน่ใจว่าเงินที่จ่ายจะไปที่ไหนบ้าง วัดอาจจะได้ด้วย ซึ่งต่อไปอาจเป็นที่นิยมแทนพวงหรีดก็ได้ สังเกตดูนะ โอกาสเป็นของผู้มีความคิดสร้างสรรค์เสมอ แต่ก่อนยังไม่มี ใครละทำให้มีขึ้น คิดได้ก็ยังต้องกล้าด้วยนะ
ก่อนจะเข้างานศพที่วัดหัวลำโพง ก็พบกับมูลนิธิร่วมกตัญญู คงรู้จักบ้างนะ เป็นหน่วยงานอาสาสมัครมีงานหลายอย่าง ที่เราคุ้นกันคือการเก็บศพ การทำศพไม่มีญาติ ฯลฯ พ่อก็เลยเข้าไปบริจาคเงินซื้อโลงศพให้กับศพไม่มีญาติ อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรของครอบครัวเราทั้งสี่คน

มดลูก

นี่คือมดลูกที่แม่ตัดออกมา ด้านซ้ายขวาเป็นรังไข่ มดลูกนี้มหัศจรรย์มาก ก้อนเท่ากำปั้นนี้ เมื่อตั้งท้องจะขยายตัวจนลูกเข้าไปอยู่ได้ทั้งคนก่อนจะออกมาทางด้านล่าง (ปากมดลูก) แล้วก็จะค่อยๆหดตัวเหลือก้อนเท่านี้ตามเดิม นี่แหละคือบ้านหลังแรกของเมฆ และเมือง ได้อาศัยอย่างอบอุ่นมาก่อนถึง 9 เดือน
ล่าสุดหลังผ่าตัดมา 1 สัปดาห์แม่ได้ไปพบหมอตามนัด หลังจากตรวจแล้วก็พบว่าแผลเรียบร้อยดีทุกประการ อาการเจ็บยังต้องมีอยู่แน่นอนเนื่องจากมีการเย็บภายในอีกหลายชั้น ส่วนอาการปวดท้อง อาจเกิดจากกระเพาะปัสสวะอักเสบเล็กน้อย ซึ่งหมอก็ให้ยามากิน หมอบอกตอนท้ายว่า หมอคิดว่าเป็นเคสที่น่าพอใจมากนะ

15 January 2007

the last day

วันสุดท้ายแล้ว แม่เตรียมแต่ตัวทันทีก่อนอาหารกลางวันซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายในโรงพยาบาลแห่งนี้ ความเจ็บป่วยครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจสัจธรรมหลายๆข้อ อย่างน้อยที่สุดก็ "แล้วมันก็ผ่านไป ความสุขนั้นไม่จีรัง ความทุกข์ก็เช่นกัน"

Day 5 in hospital

จนค่ำนี้ น้าเดียร์ น้าก๋ง และดิวก็มาเยี่ยมอีก น้องสาวแม่คนนี้เป็นห่วงแม่มาตลอดจริง โทรเช็คข่าวตลอดเวลาเชียว พี่น้องมักจะเห็นน้ำใจกันก็ตอนเป็นทุกข์นี่แหละ สุดท้ายก็เป็นป้าแจ๊ด พี่แพร์มาเยี่ยมอีกครั้ง ก็คราวที่แล้วแม่หลับจนไม่รู้เรื่องเลย แล้วก็ป้านิต ส่วนปั๊กตามมาเป็นคนสุดท้าย
แม้หมอจะบอกว่าสามารถอาบน้ำได้แล้ว เพราะพลาสเตอร์ที่ปิดแผลนั้นปิดมิดจนกันน้ำได้ แต่เพื่อความชัวร์จึงใช้บริการของโรงพยาบาลคือการนอนสระผมสำหรับผู้ป่วย สบายพอควรเชียวแหละ วันนี้คงไม่มีใครมากันแล้วล่ะ เพราะเราจะออกจากโรงพยาลในวันพรุ่งนี้ แล้วนี่ก็วันจันทร์ใครๆเขาก็ไปทำงานกันแล้ว
คุณหมอมงคลมาเยี่ยมแต่เช้าเลย พร้อมกับข่าวดีว่า ผลการตรวจจากแล็ปแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีสิ่งที่น่ากลัวแล้ว แต่แน่ละ ไม่มีอะไรที่ 100% การตรวจติดตามผลก็ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไป นี่ก็น่าเป็นเป็นข่าวที่ดีที่สุดแล้วตลอดเดือนที่ผ่านมา แม้เรื่องร้ายๆก็ผ่านพ้นไป แม่ว่าจะต้องแลกกับการเจ็บตัวบ้าง ก็ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ในภาพกำลังดูสไลด์โชว์ที่พ่อทำให้ดูเพลินๆด้วยรูปเก่านี่แหละ

Day 4 in hospital

ชุดสุดท้ายคือครอบครัวจัยวัฒน์ ลุงปีย์ น้าจ้อย โป้ง แล้วก็ปุ้นก็มาเยี่ยม น้าจ้อยก็เป็นผู้หนึ่งที่ติดตามข่าวของแม่มาโดยตลอดเช่นกัน
จะหมดไปอีกวันแล้ว เรื่องสุดท้ายที่ยังคาใจแม่อยู่คือผลการตรวจมดลูกที่ตัดออกไปที่ส่งเข้าแล็ป ซึ่งน่าจะได้ผลในคืนนี้หรืออย่างช้าก็พรุ่งนี้เช้า คนนี้ในใจแม่ก็คงยังไม่สดใสที่เดียวแน่เลย
แม่แข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ อาหารเย็นจึงลงมาจากเตียงมานั่งทานที่โต๊ะได้ แม้จะยังเจ็บอยู่ พ่อต้องคอยช่วยพยุงตลอดทาง แต่ด้วยความอดทน และรู้ว่าจำเป็นต้องเคลื่อนไหวตัวจะหายเร็วขึ้น ก็ต้องแลกด้วยความเจ็บเป็นธรรมดา
ป้าสุ ธีม ป้าอุริศ และลุงเบิ้ม มาเยี่ยมแม่ในช่วงบ่ายแก่ ป้าอุริสนี้เพิ่งผ่านการผ่าตัดปอดมายังไม่ถึงปีเลย ด้วยโรคมะเร็ง อดทนมาก และตามด้วยป้าหมอที่จะมาอ่านผลจากแล็ปเรื่องมดลูกที่ส่งไปตรวจ แต่ผลยังไม่มา
ลุงต้อง ป้าวารี แนท มาเยี่ยมแม่เป็นชุดต่อไป ตามด้วยลุงหวัดและป้าอ๋อยมาอีกหน สุดท้ายก็เป็นป้าเหมียว (ไม่อยู่ในภาพถ่าย)
ป้าตุ๊กเพื่อนที่ติดตามอาการของแม่มาตลอด มาเยี่ยมแม่อีกหน พร้อมกับน้าอ๋อ ป้าตุ๊กเป็นผู้ที่ติดตามผลทุกระยะเพื่อช่วยบอกเพื่อนแม่อีกต่อหนึ่งด้วย
หลังจากถอดสายน้ำเกลือ ถอดสายปัสสวะออกแล้วก็เป็นเกมบังคับให้แม่ต้องลุกจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำเพื่อฉีเอง จนถึงตี 2 ของเช้าวันนี้แม่ก็อดทนลุกจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำจนได้ ด้วยความเจ็บปวดแผลเหลือเกิน แต่ผลทางจิตใจกลับดีขึ้น ทำให้เรารู้สึกถึงพัฒนาการเป็นลำดับ จากผู้ป่วยนอนซมเป็นผู้ที่ช่วยตัวเองได้ เช้าวันที่4 จึงสดใสกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีสายระโยงระยางอีกแล้ว
เพื่อนชุดแรกมาเยี่ยมแต่เช้าคือป้าปั๊บ และป้าสา การได้คุยกับเพื่อนก็ทำให้แม่แจ่มใสขึ้น

14 January 2007

day 3 in hospital


ไชโย อาหารมื้อแรกของแม่หลังผ่าตัด ดูสิ มีแต่ซุปที่เป็นน้ำๆใสๆเท่านั้น สู้ๆนะแม่ พรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้อีกนะ
วันนี้คนมาเยี่ยมไม่ค่อยเยอะเท่าไร เพราะรู้ว่าคนเพิ่งผ่าตัดออกมาต้องการพักผ่อนมากกว่า แต่มีโทรศัพท์มาถามข่าวคราวตลอดเลย


อาจารย์หมอมงคล(เจ้าของไข้ ผู้ทำการผ่าตัด) เข้ามาสวนกับหมอตี่พอดี เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันอีก หมอมาดูอาการ สั่งให้ทานน้ำอาหารได้แล้ว มาบอกว่าทุกอย่างเรียบแล้วแล้วนะ จะรอก็แต่ว่าผลแล็ปมดลูกที่ตัดมาส่งไปตรวจจนั้นจะได้ในอีกวันหนึ่ง แต่แม่ก็ยังกังวลต่อ ถามหมอว่า ถ้าเรียบร้อยดีทำไมจะต้องส่งตรวจด้วยล่ะ (เหมือนกับหมอมีอะไรปิดบังหรือเปล่า) ซึ่งหมอก็อธิบายว่ามันเป็นรูทีนนะที่อะไรก็ตามที่ตัดออกมาจากร่างการจะต้องส่งตรวจทุกเคส อย่ากังวลอีกเลย เอาวันนี้ให้ดีดีกว่านะ
หมอคนนี้นับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสายนี้แล้วนะแม่ เลิกเป็นห่วงได้แล้วล่ะ ต้องเชื่อในศรัทธาเรา


อาจารย์ตี่มาเยี่ยมแม่ อาจารย์ตี่เป็นอาจารย์หมออยู่ที่ศิริราช แต่เป็นหมอเด็ก เป็นญาติสนิททางฝ่ายพ่อ ซึ่งแม่จะปรึกษากับเขาเสมอ แล้วเขาก็ดีกับเราเสมอเช่นกัน


ของ 2 สิ่งที่สำคัญกับแม่มาก ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดคือ 1 mini album เล่มหนึ่งมีรูปเก่าๆของพวกเรา ไปญี่ปุ่น และอื่นๆ เล่มปกสีเขียวเป็นรูปของลูกเมืองในอิตาลี อีก 1 เล่ม ก็รวมฮิต ซึ่งแม่ก็ยังไม่พอ แม่บอกว่า “คิดถึงลูกมาก ทั้งสองคนเลย” ส่วนชิ้นที่2 คือ i pod ที่พ่อบรรจุคำบรรยายธรรมเอาไว้ ก็ทำให้แม่ฟังไปได้นานๆอย่างสงบ พร้อมกับพ่อก็ได้ใส่รูปพวกเราเป็นร้อยๆรูป แล้วก็ต่อพ่วงให้แม่ดูทางทีวีเหมือนเป็นสไลด์โชว์ ซึ่งก็เป็นความสุขของแม่อีกเช่นกัน ดูไปก็ยิ้มไปบอกอยากไปเที่ยวอย่างนี้อีเนอะ


สายๆ ตั่วโกว กับโซ้ยโกว มาเยี่ยมแต่แม่หลับยาวเลย ทั้งสองคนก็เลยคุยกับพ่อแทน โซ้ยโกวเอาโปรตีนแอมเวย์มาเยี่ยม พ่อก็เห็นว่ามีประโยชน์นะ เพราะโปรตีนนี้น่าจะเหมาะกับผู้ป่วยที่สุด เพราะเป็นโปรตีนที่สำเร็จรูปแล้ว แต่แม่ก็ยังคงแอนตี้ รั้นตามเคย แม้พ่อจะบอกว่า ที่พ่อฟื้นเร็วอาจจะเป็นเพราะโปรตีนนี้ มีส่วนอยู่ไม่มากก็น้อยแหละ


เช้านี้ย่อมดีกว่าเมื่อวาน พยาบาลบอกให้แม่พยายามขยับตัวเพื่อให้ท้องไส้เข้าที่เข้าทาง แม้จะเจ็บแผลบ้างก็จำเป็นต้องทน เพราะการขยับตัวจะช่วยให้แผลไม่เจ็บนานเพราะพังผืด จะสามารถทานอาหารได้เร็วขึ้น ถ้าลำไส้ทำงานตามปกติแล้ว แม่ก็พยายามนะ เช้านี้เลยขอลุกขึ้นมาแปรงฟันซะเลย คงทนปากเหม็นไม่ไหว หน้าตาแม่ก็ดีขึ้นมาก

วันที่สอง (ต่อ) ในโรงพยาบาล


รอบค่ำๆ ป้าแจ๊ดกับแพร์ก็มาเยี่ยม แต่แม่ก็ไม่ค่อยรู้สึกตัวแล้ว หลับๆตื่นๆสลึมสลือไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ภาพนี้เหมือนกับที่พ่อผ่าตัดเลย ทั้ง2ก็มาเยี่ยมพ่อในวันแรกแต่พ่อก็ยังไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไร


ป้าหมอยังเฝ้าดูอาการต่อจนเย็นๆ คุณหมอนิตยามาเยี่ยมไข้ ก็ได้พูดคุนภาษาหมอกันต่อ (ปรากฎว่าป้าหมอเป็นรุ่นพี่ที่ศิริราช) สรุปได้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี โชคดีครับคุณแม่ เรื่องร้ายที่จะมาทำให้เรากังวลใจได้ออกไปจากร่างกายเราแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยกำลังใจของแม่แล้วล่ะ ที่จะฟื้นจากการผ่าตัดได้เร็วเพียงใด


มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ยังมีสายปัสสวะที่ต่อตรงออกมาอีกที่มองไม่เห็น แต่ไม่มีสายต่อเลือดเหมือนอย่างที่เมฆเห็นของพ่อ


เป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่ออกมาจากห้องผ่าตัดจะต้องมีอาการเพลีย คลื่นไส้ วิงเวียน คันยิบๆตามตัว เนื่องมาจากฤทธิ์ยาหลายๆตัว (โชคดีที่พ่อผ่าตัดไม่มีอาการเช่นนี้) อ็อกซิเจนก็เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น เพราะการบล็อกไขสันหลังจะทำให้ระบบภายภายในทำงานได้ไม่เต็มที่
คุณยายมารอแม่อยู่แล้วด้วยควสมเป็นห่วงอย่างที่สุด แต่พอทราบว่าการผ่าตัดเรียบร้อยก็โล่งอก ได้พักผ่อนเสียที่ ทั้งสองแม่ลูก


การผ่าตัดใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจึงแยกมาห้องเฝ้าดูอาการ ซึ่งมีป้าหมอเข้าไปรออยู่ในห้องนั้นเช่นกัน (อย่างพ่อคงไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปหรอก) ป้าหมอก็โทรออกมาบอกคุณยายกับพ่อข้างนอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อยดี อ่านผลการผ่าตัดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี
ในภาพนี้ถ่ายขณะที่เข็นเตียงแม่กลับมาที่ห้องพัก


เวลา 13.30 เตียงเข็นมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว ป้าหมอกับป้าแจ๊ดเดินมาส่งและให้กำลังใจมาตลอด ป้าหมอนั้นเข้าไปส่งถึงเขตสุดท้ายที่จะเข้าได้เลย กำลังใจจากหมอนั้นน่าจะมีส่วนทำให้แม่อุ่นใจขึ้นในวินาทีเช่นนี้


นาทีก่อนเข้าห้องผ่าตัด แม่คงมีความว้าวุ่นใจอย่างหนักเลย แต่สิ่งที่ดีที่สุดในเวลาเช่นนี้ก็คือทำสมาธิด้วยการสวดมนต์

11 January 2007

วันที่ ๒ ในโรงพยาบาล


"รักนะเด็กโง่"


ป้าหมอกับป้าแจ๊ดมาทันเวลาพอดี คือก่อนที่จะเข้าผ่าตัดใหญ่ในบ่ายนี้


ครั้งนี้แม่หันเข้าหาธรรมะเพื่อพิชิตความว้าวุ่นใจทั้งหลาย แม่สวดมนต์เพื่อให้ใจสงบนิ่ง และและไอพ็อดของพ่อก็ทันเวลาพอดี พ่อเอาซีดีที่หลวงพ่อปราโทย์บรรยายธรรมมาใส่ไว้ให้แม่ได้ฟังทันเวลาพอดี


ผลแลปจากชิ้นเนื้อที่ตัดไปเมื่อวานมาแล้ว หลังจากที่เรารออย่างกระสับกระส่ายว่าจะออกมาดีหรือไม่ดี หมอมงคล(หมอผู้ผ่าตัด)โทรมาอธิบายว่า เซลทีผิดปกตินี้พบในบริเวณคอมดลูก และลึกลงไปในมดลูกบางส่วน แต่ยังไมาลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลือ ซึ่งนับเป็นข่าวดีของหมอ (แต่ก็ยังไม่ดีอยู่ดีสำหรับแม่) ทางที่ต้องทำคือ ผ่าดตัดมดลูกออกพร้อมกับรังไข่ออกในวันนี้เวลา 13.30 มดลูกและรังไข่นี้ไม่มีประโยชน์แล้วสำหรับผู้หญิงในวัยนี้ สำหรับพ่อแม่ ใข่าวร้ายที่เราพบมาก่อนหน้าที่ในที่สุดเราก็พบข่าวดีว่า แม่ยังไม่เป็นอะไรมากนัก แต่แม่ก็ต้องแลกกับการเจ็บตัวอย่างที่สุด ในภาพเป็นแพทย์หญิงนิตยา มาอธิบายพร้อมให้กำลังใจแม่อีกครั้งหนึ่ง หมอคนนี้เข้าใจในความกังวลของแม่เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็หัวอกผู้หญิงด้ิวยกัน


น้าก๋งพาดิวมาเยี่ยมแต่เช้า และคุณยายก็มาด้วย ก่อนคุณยายจะไปตักบาตรทำบุญ


เช้าวันใหม่แม่ตื่นอย่างสดใสขึ้น หลังจากที่นอนหลับเต็มอิ่ม (เพราะยานอนหลับช่วยด้วย)