16 September 2009

ภาพเก่าสวยๆ

3 ภาพนี้เป็นน้ำจิ้มไปก่อน จะทยอยเอาภาพเก่าสวยๆมาให้ดูกันอีก
ภาพขาวดำฝีมือเมือง ซึ่งมีมุมองที่ดีมากกล้าที่ครอปรูป ขณะนั้นเมื่องน่าจะเพิ่งกลับจากอิตาลี มาวันนี้แล้วรู้สึกคุ้มมากเลยที่ซื้อกล้องให้เมืองใช้ เพราะวันนี้เมืองทำได้ดีกว่าพ่อแล้ว
โครงการทำอัลบั้มภาพที่พ่อกำลังทำอยู่ จะว่าสนุกมีความสุขก็ได้ เพราะได้ไปค้นภาพเก่าในกรุ ก็ได้กลับไปพบความรู้สึกเก่าๆที่อยากให้เรารับรู้ไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อทำแล้วก็เป็นความรับผิดชอบแล้วว่าต้องทำให้เสร็จ บางเวลาก็เบื่อเพราะใช้เวลามากเหลือเกิน แต่โดยสรุปแล้วเมื่อเล็งถึงผลที่จะได้รับแล้วมันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดๆ การทำงานนี้ก็เป็นการปฏิบัติความเพียรอย่างหนึ่ง
ภาพแม่กับคุณยายในวันที่เมฆ Recital ที่Settrade ดูสวยดีทั้งคู่เลย

15 September 2009

สถาปนิก ๒ รุ่น

เมือง และเพื่อนๆมาค้างที่บ้านเพื่อทำงานกัน พอเช้าคุณตาก็มา และเข้าไปดูพวกนี้ทำงานกัน สถาปนิก ๒ รุ่น จากสถาบันเดียวกัน ที่อายุต่างกัน ๖๐ กว่าปี ก็ได้มาพบกัน

งานประติมากรรม

ภาพนี้ไม่ใช่ผลงานที่เขาสั่งทำนำ เป็นงานที่ศิลปินทำอยู่แล้ว ขณะที่เราไปดู ก็เลยถ่ายเอาไว้ ยังไม่เสร็จหรอกต้องรอตกแต่งอีกเยอะ ถ้ามีผม มีขนตา ขนจมูก ราคาก็จะแพงขึ้นอีกเพราะจะต้องปักเป็นเส้นๆไป

แม่ก็ประสานงานส่งประวัติพร้อมภาพผลงานช่างปั้นไปให้เลือก ๒ คน วันนี้แม่ไปพบช่างปั้นคนหนึ่ง(จบประติมากรรม ศิลปากรนี่แหละ) เพื่อไปขอตัวอย่างวัสดุ ในภาพนี้เป็นโรงทำงานของเขา รูปปั้นพระนั้นแต่เดิมเรียว่าหุ่นขี้ผึ้ง แต่ปัจจุบันนี้เขาใช้เรซิน และไฟเบอร์กันแล้ว การปั้นเขาก็ต้องปันทั้งตัวจริงๆ แต่อาจไม่ต้องมีรายละเอียดเพราะจะมีจีวรมาคลุมอยู่แล้ว แต่ที่ต้องปั้นทั้งตัว เพราะมันจะเป็นโครงสร้างที่ถูกต้องจริงๆ

เช้าวันหนึ่ง แม่ได้รับโทรศัพท์จากบราเดอร์เดชาชัย (ที่เคยอยู่เซนคาเบรียล)ปัจุบันน่าจะอยู่ที่ระยอง ติดต่อให้แม่ช่วยหาคนปั้นรูปเหมือนผู้บริจาคที่ดินให้หน่อย แม่ก็ดีใจมากที่บราเดอร์ยังอุตสาห์นึกถึงเรา ซึ่งน่าจะหมายความว่าสิ่งที่แม่ทำมาเมื่อก่อนนี้ที่ ซ.ค.เขายังจดจำได้ในสิ่งที่ดี

ปลาส้ม หมดกรรมแล้ว

เรานำส่งโรงพยาบาลให้อยู่กับหมอ จนถึงตอนบ่าย แม่เล่าให้ฟังว่ารู้สึกอึดอัดมาก เป็นความรู้สึก จึงโทรกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเขาเพิ่งไปเมื่อครู่นี้เอง

หมดเวรหมดกรรมสีทีนะ “ปลาส้ม” พ่อรับรู้ได้ว่าแม่ก็เสียใจนะ แต่พ่อก็รู้ว่าแม่ทำดีที่สุดแล้ว แม้ขณะที่เราพาไปโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายเราก็ยังเปิดซีดีธรรมะให้เขาฟังเลย


แต่อาการก็กลับกำเริบใหม่อีกครั้งเป็นเนื้อพุพองขึ้นอีกครั้ง แม่นัดให้คนมาจับใส่ถุงอัดอ็อกซิเจนเพื่อนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
ในเช้าวันที่ ๑๕ กย. เช้าวันนั้นพ่อเข้าไปใกล้บ่อจนเห็นเหมือนตาเราสบกัน เขามองเราอยู่ เราสามารถเอื้มมือไปลูบหัวลูปตัวเขาได้สักพักก่อนที่เขาจะว่ายออกไปอย่างช้าๆ
หลังจากมีอาการเนื้อเปื่อยอยู่นาน จนแม่สังเกตเห็นและพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์ เข้าผ่าตัดและกลับมารักษาตัวที่บ้าน อญุ่นาน๒_๓อาทิตย์ได้ ซึ่งดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วและรอวันหายเพื่อที่จะลงบ่อใหญ่ไปอยู่กับเพื่อนๆอีกครั้งหนึ่ง

การปรับปรุงร้านค้า ศิลป์ ๑

ภาพนี้นอกจากเจาะประตูกระจกแล้วเราก็ทำประตูเหล็กม้วนเพื่อความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์อีกหน่อย
แต่พอเสร็จแล้วทุกฝ่ายก็Happy นักศึกษาเองก็ชอบเพราะสะดวกขึ้น อย่างนี่เขาเรียกว่า แม่มี Vision กว้างไกลมาก
แต่เดิมประตูทางเข้าจะอยู่ภายในอาคาร ซึ่งดูไม่ค่อยต้อนรับนักสำหรับนักศึกษาต่างคณะ แต่การของปรับเปลี่ยนก็ไม่ง่ายนักสำหรับราชการ ต้องมีการทำหนังสือขอนุญาต ต้องเจรจาอยู่นาน

นับจากป้าจันทร์เสียไปแล้ว และแม่ก็เข้าไปปรับปรุงหลายด้าน ที่เห็นอย่างชัดเจนและมีประโยชน์อย่างมากคือการย้ายประตูทางเข้าใหม่ ภาพภายนอก ก่อนมีการเจาะประตูใหม่ (ในกรอบเส้นสีแดง)

01 September 2009

DAY 12, Aug 8, 2009 The last day

“นักท่องเที่ยวจะได้เจอแค่จุดหมายปลายทาง

แต่นักเดินทางจะได้เจอเรื่องราวมากมายระหว่างทาง”

มาครั้งนี้เมฆเมืองช่วยพ่อ และแม่ได้เยอะ ทุกคนก็พยายามประคับประคองอารมณ์ซึ่งกันและกัน แม้จะหลุดกันบ้างก็ตาม การมาเที่ยวแบบนี้ใช้เงินมากอยู่ก็จริง แต่เราก็รู้ว่าเรากำลังแลกกับอะไร ไม่มีใครรู้หรอกว่า ครอบครัวเรารู้สึกอย่างไรต่อกันนอกจากตัวเราเอง

รูปที่ลงทั้งหมดนี้มาจากอัลบั้มที่พ่อทำขึ้น ขออภัยที่ไม่ได้เอารูปของทุกคนลงได้หมด แม้จะใช้เวลามาก แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำนะ

เรามาที่โรงแรมกันตามนับก่อนจะลากสัมภาระกันพรุงพรัง ที่สำคัญคือต้องยกขึ้นบันไดด้วย แต่ปรากฎว่า เรามาถึงสถานีก่อนเวลา เมฆก็เสบเสนอว่าเราจะไปเปลี่ยนตั๋ว ซึ่งก็ทันเวลาพอดี ทำให้เรามีเวลาที่สนามบินเพิ่มขึ้น พ่อกับแม่ก็กินแม็ค ส่วนเมฆกับเมืองก็แยกไปกินอาหารญี่ปุ่น (ซึ่งไม่แพงกว่าแม็คเลย) เราไปรอขึ้นเครื่องนานหน่อย แต่ก็กลับถึงกรุงเทพด้วยความเรียบร้อย

แล้ววันสุดท้ายก็มาถึง เป็นวันที่ ๑๒ ของการเดินทาง เมฆวางแผนไว้ว่าเราจะต้องออกจากโรงแรมก่อน ประมาณเที่ยงครึ่ง ตามที่เราจองตั๋ว NEX เอาไว้ก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นเช้านี้ทุกคนแยกย้ายกันไปมีเวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงอิสระก่อนจะมาพบกันที่โรงแรม

DAY 11, Aug 7, 2009


เมืองกลับมาแล้วพร้อมกับเล่าว่าไปเจอขบวนการละเล่นตามทางที่สนุกมาก ถ่ายรูปและคริปมาให้ดูด้วย ทุกคนที่อยู่ในขบวนต่างทำหน้าที่ของตัวอย่างเต็มที่จริง ซึ่งพ่อก็เห็นด้วย ก่อนที่เราจะเริ่มแพ็คของแยกกระเป๋ากันอย่างยากเย็นพอสมควร



ออกจากที่นี่เรามุ่งหน้าไป Roppongi กันเพราะคราวที่แล้วเราแทบไม่ได้เดินดูอะไรเลย (คราวนี้ก็ไม่ได้ดูอะไรมากอยู่ดี) แต่ให่เมืองแยกตัวไปคนเดียวน่าจะเวอร์คกว่าเพื่อไปหาตึกหรืองานออกแบบดูเอาเอง ส่วนพ่อ แม่ และเมฆใช้เวลาอยู่กับเทศการโดราเอมอนต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะกลับไปโรงแรม แต่ยังมีเวลานี่ ต่างคนก็เลยแยกกันเดิน แยกกันกินเลยมื้อนี้

ภายในงานเราก็คงดูแบบรวดเร็วตามเคยเพราะถึงเวลานัดกับแม่แล้ว ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปกับผลงานอีก แต่มานึกขึ้นได้ว่า ก็งานของปิกัสโซ กับคาดินสกี้ ชิ้นนี้เราก็ถ่ายมาเมื่อครั้งที่แล้ว แสดงว่าพ่อนี่ไม่พัฒนาเลย



พ่อแยกจากเมฆเมืองมาก่อนเพราะใกล้เวลานัด เพื่อจะมาดักแม่ก่อน แล้วให้เมืองไปดูตึกของ อันโดะ (เจอหรือเปล่าไม่รู้) ก่อนที่จะผ่านออกมาดูพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์กันสองคน ในขณะที่พ่อเดินออกมาก็เห็นว่าที่ Museum of Western Art กำลังมีนิทรรศการของ LE CORBUSIER (ปรามาจารย์ของสถาปนิกผู้ออกแบบตึกนี้) จึงดักรอให้เมฆ เมืองเข้าไปดู

รูปที่บันไดนี้ต่อกันเป็นหน้าคู่นะ สวยดี มีจังหวะ



เราผ่าน Museum of Western Art ไปก่อนเพราะคราวที่แล้วมามาเดินแล้ว เรามุ่งหน้าไป Tokyo Metropolitan Art Museum ตั้งใจไปดู permanent collection แต่ที่นี่เขาไม่มี ก็เลยดูนิทรรศการอียิปแทน ออกมาก็มาถ่ายรูปที่เดิมที่เคยถ่ายครั้งก่อน
สองรูปนี้ต่อกันเป็นหน้าคู่

วันก่อนสุดท้ายแล้วที่เรามีเวลาเต็มวัน แต่ยังมีโปรแกรมอีกตั้งเยอะที่เราตั้งใจจะไปกัน แต่ไม่เป็นไร ไม่ทันก็ไม่ทัน เช้านี้เราไปที่ Ueno ก่อนเพื่อไปมิวเซียมที่คราวที่แล้วไม่ได้เข้า แต่ให้แม่แยกไปเดินที่ Ameyayokocho ทีเป็นถนนคนเดินย่านขายของถูกที่แม่น่าจะมีพลังมากกว่าไปมิวเซียมแน่

DAY 10, Aug 6, 2009

กลับออกมาเย็นคงไม่มีเวลาพอสำหรับไปพิพิทธภัณฑ์แล้ว ของเราก็เยอะและหนักก็เลยต้องกลับมาโรงแรมเพื่อเก็บของก่อนที่เราก็เลยเลือกมาที่ ชิบูยา ดู ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีHMV Tokyu Hands Muji ก็เลยแยกกันเดินตามอัธยาศัย

เรามาอยู่โตเกียวแล้วอีก ๒ วันเต็ม วันนี้เราเลยทำตัวสบายขึ้นออกสายหน่อยเพื่อไป outlet mall เลือกที่นี่เพราะใกล้โตเกียวมากที่สุด และทราบว่ามีmuji ด้วย เมื่อไปถึงแล้ว(ประมาณ ๑๑ โมงได้) เราตั้งใจจะเดินไม่เกิน ๒ ชั่วโมง แต่เพราะแม่ไปอยู่ที่มูจินานหน่อย เพราะเลือกของที่จะเอากลับมาขายที่ร้านด้วย จึงขอต่อเวลาไปที่ละระยะ รวมเบ็ดเสร็จเราใช้เวลาที่นี่ไป ๔ ชั่วโมงครึ่งได้มั้ง แต่ทุกคนก็เดินกันนะ