
รอบค่ำๆ ป้าแจ๊ดกับแพร์ก็มาเยี่ยม แต่แม่ก็ไม่ค่อยรู้สึกตัวแล้ว หลับๆตื่นๆสลึมสลือไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ภาพนี้เหมือนกับที่พ่อผ่าตัดเลย ทั้ง2ก็มาเยี่ยมพ่อในวันแรกแต่พ่อก็ยังไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไร

ป้าหมอยังเฝ้าดูอาการต่อจนเย็นๆ คุณหมอนิตยามาเยี่ยมไข้ ก็ได้พูดคุนภาษาหมอกันต่อ (ปรากฎว่าป้าหมอเป็นรุ่นพี่ที่ศิริราช) สรุปได้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี โชคดีครับคุณแม่ เรื่องร้ายที่จะมาทำให้เรากังวลใจได้ออกไปจากร่างกายเราแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยกำลังใจของแม่แล้วล่ะ ที่จะฟื้นจากการผ่าตัดได้เร็วเพียงใด

มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ยังมีสายปัสสวะที่ต่อตรงออกมาอีกที่มองไม่เห็น แต่ไม่มีสายต่อเลือดเหมือนอย่างที่เมฆเห็นของพ่อ

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่ออกมาจากห้องผ่าตัดจะต้องมีอาการเพลีย คลื่นไส้ วิงเวียน คันยิบๆตามตัว เนื่องมาจากฤทธิ์ยาหลายๆตัว (โชคดีที่พ่อผ่าตัดไม่มีอาการเช่นนี้) อ็อกซิเจนก็เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น เพราะการบล็อกไขสันหลังจะทำให้ระบบภายภายในทำงานได้ไม่เต็มที่
คุณยายมารอแม่อยู่แล้วด้วยควสมเป็นห่วงอย่างที่สุด แต่พอทราบว่าการผ่าตัดเรียบร้อยก็โล่งอก ได้พักผ่อนเสียที่ ทั้งสองแม่ลูก

การผ่าตัดใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจึงแยกมาห้องเฝ้าดูอาการ ซึ่งมีป้าหมอเข้าไปรออยู่ในห้องนั้นเช่นกัน (อย่างพ่อคงไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปหรอก) ป้าหมอก็โทรออกมาบอกคุณยายกับพ่อข้างนอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อยดี อ่านผลการผ่าตัดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี
ในภาพนี้ถ่ายขณะที่เข็นเตียงแม่กลับมาที่ห้องพัก

เวลา 13.30 เตียงเข็นมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว ป้าหมอกับป้าแจ๊ดเดินมาส่งและให้กำลังใจมาตลอด ป้าหมอนั้นเข้าไปส่งถึงเขตสุดท้ายที่จะเข้าได้เลย กำลังใจจากหมอนั้นน่าจะมีส่วนทำให้แม่อุ่นใจขึ้นในวินาทีเช่นนี้

นาทีก่อนเข้าห้องผ่าตัด แม่คงมีความว้าวุ่นใจอย่างหนักเลย แต่สิ่งที่ดีที่สุดในเวลาเช่นนี้ก็คือทำสมาธิด้วยการสวดมนต์
No comments:
Post a Comment