ปกติเขาจะต้องมีรายการคุณพระช่วยเป็นงานใหญ่ แต่งานนี้เน้นไปทางตลกมากกว่า รอบนี้น่าจะเป็นรอบสื่อมวลชน พอดีพี่ก้องมีบัตรก็เลยชวนกันพ่อแม่มาดูด้วย ซึ่งดูแล้วก็สนุกดี
ส่วนหนึ่งของบอร์ด ดูแล้วคุ้นๆมั้ย
ป้าบห้องหน้าอาคาร
ห้องโถงของธนาคารตั้งบอร์ทั้สองฝั่ง
ประติมากรรมกระต่ายวิ่งวน ๗ ตัว ในงานผู้ว่ากรุงเทพมหานครมาเป็นประธานในพิธีเปิดพ่อเป็นคนเสนอโครงการสร้างศิลปกรรมเนื่องในครบ ๗ รอบพระนักษัตรของในหลวงปีนี้ ซึ่งมีรายละเอียดมากพอสมควร และก็มาถึงวันเปิดงาน พ่อก็เป็นคนออกแบบนิทรรศการให้เขาเช่นกัน ภาพนี้ตอยเสนอร่างเป็นโมเดล


วันก่อนเรานัดอากงออกมากินข้าวที่ สบล.กัน เพื่อเรียกความทรงจำที่คุ้นเคยกลับคืนมา ซึ่งก็ได้ผลดี สดชื่นมากขึ้น พูดมากขึ้น ทานมากขึ้น โดยมีแขกคนเดิมคือ เหล่าปะ(มิ้งแปะ) สองคนนี้รักกันเป็นพี่น้อง แต่เดิมเขาเป็นคนแข็งแรงมาก ออกกำลังที่สวนลุมทุกวัน อยู่ๆก็ทรุดลง หลงๆลืมๆ แต่ยังไม่ลืมเรื่องเก่าๆ ทั้งสองคนจึงมีการแซวกันเหมือนเดิม น่ารักด



ในวันเดียวกันนี้เราก็คุยกันถึงการปรับปรุงบ้านเราให้น่าอยู่ สวยงามขึ้นอย่างไรดี ชี้ให้แม่ดูบรรยากาศแบบนี้เอามั้ย แม่ก็เอา ดังนั้นก็คุยกันต่อไปว่าครั้งนี้เราอาจจะซ่อมใหญ่ซักที บ้านเราอยู่มา๒๐ปีแล้ว คราวนี้จะเอาแบบเนี๊ยบๆบ้างแล้ว พ่อก็ขอว่าเราจะออกแบบใหม่ทั้งบ้านเป็น Master Plan ไว้ก่อน แล้วจะซ่อมตรงไหนก่อนก็ได้ เป็นการคิดเผื่ออนาคตไว้เลย ซึ่งการออกแบบครั้งนี้ เราจะมีสถาปนิกมาช่วยอีกหนึ่งคน คือ “เมือง”นั่นเอง

เราไปตรวจรับห้องคอนโด Parkland ตากสิน ท่าพระ อีกห้องหนึ่ง (รับไปแล้วห้องหนึ่งอยู่ชั้น ๑๒) คงจะต้อรีบขายออกเหมือนกัน ไม่งั้นต้องทำเรื่องกู้ธนาคารกันอีกผิดนโยบายของแม่ ที่เราจะพยายามไม่สร้างหนี้เพิ่มอีก

ทุกๆสัปดาห์พ่อจะไปค้างบ้านอากง นอนเป็นเพื่อนกัน เอาพวงมาลัยไปไหว้พระ เอาอาหารแปลกๆไปทานมื้อดึกและมื้อเช้า
อย่างเช้านี้หลังจากกินข้าวด้วยกันแล้วก็ออกมาเดินเล่นสูดอากาศเช้ากัน
อากงเปลี่ยนไปเยอะในช่วงไม่กี่เดือนมานี่ ความจำจะสั้นมาก บางครั้งการทานยามากๆก็ทำให้เบลอไปเลยเหมือนกัน บางครั้งก็เป็นเหมือนเด็ก อยากออกไปข้างนอก เสียดายที่อากงฟังภาษาไทยไม่ค่อยแตกฉานจึงไม่สามารถฟังธรรมะในบั้นปลายชีวิตได้

หลังจากทำCD ธรรมะ(พระอาจารย์คึกฤทธิ์) แจกในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาแล้ว แม้จะรู้ว่าไม่สู้จะมีใครเปิดฟังนัก หรือเปิดฟังแล้วไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไรเพราะเราไม่ได้คาดหวังไว้เช่นนั้น เพียงเราได้ทำความดีก็พอแล้ว มาช่วงนี้บังเอิญมาเปิดฟังซีดี “ชวนม่วนชื่น” ก็เห็นว่าสนุกดี บวกกับของพระอาจารย์ชยสาโร ก็ได้เนื้อหาไปอีกแบบ เลยรู้สึกอยากทำซีดีแจกผู้ที่เรารักอีกครั้ง ซึ่งมันน่าแปลกมากว่าเพียงแต่คิดว่าจะทำ เราก็มีความสุขแล้ว ระหว่างไร้ท์ ซีดี พิมพ์แผ่น พิมพ์ปกกล่อง ก็รู้สึกเช่นกัน เมื่อให้ใครไปแล้วเราก็ไม่คาดหวังใดๆ บอกกับตัวเองว่า เมื่อเรารู้สึกดีที่ได้ฟังก็อยากแบ่งปันกันฟัง หรือจะเป็นอย่างที่ท่านว่า “การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง”



แต่การซ่อมครั้งนี้ก็เป็นการปิดฉากร้านอาหารหน้าพระลานไปพร้อมกันด้วย ร้านหน้าพระลานเปิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ (เมื่องอายุ ๕ ขวบ) ซึ่งวันนี้เรากำลังจะให้ ร้าน NARAYA มาเช่าแล้ว ร้านนารายาเป็นของคนไทย ทำธุรกิจเกี่ยวกับตัดเย็บผ้าสวยๆเป็นเครื่องใช้น่ารัก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว มีสามขาอยู่หลายประเทศแล้วล่ะ (แล้วจะหารายละเอียดมาเล่าเพิ่เติม)


กว่า ๘ เดือนมาแล้วสำหรับการปิดร้านหน้าพระลาน และ 7-11 เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่ คาดว่าจะแล้วเสร็จอีกภายในเดือนนี้ ซึ่งก็ดูสวย เรียบร้อยจริงๆ

ทราบจากเมฆว่าไต้เล่อ จะพาคุณแม่มาเมืองไทยโดยไปพักที่กระบี่ 3-4 วัน โดยไม่ได้พักที่กรุงเทพเลย ก็เข้าใจได้ว่าเมฆคงเกรงใจที่จะให้พ่อแม่ไปรับ(เวลาดึกมาก)ไปส่งที่สนามบินอีก และพาไปเที่ยวอีก ซึ่งก็ถูกแล้วที่เกรงใจ แต่พ่อจะคิดเสมอว่า การมีโอกาสได้ทำอะไรให้ใครมีความสุขนั้นเป็นเรื่องดี หาได้ไม่ง่ายนัก เราคิดเสมอว่า ใจเขาก็ใจเรา จนบางครั้งก็เคยคิดว่าที่ลูกเราไม่ไปตกระกำลำบากในต่างประเทศนั้นอาจเป็นเพราะเราเต็มที่กับชาวต่างประเทศทุกคนที่เรามีโอกาสทำให้ ไต้เล่อก็ไม่ได้มาทุกเดือนซะเมื่อไร และใช่จะเป็นคนื่นไกลที่ไหน ครั้งนี้ก็พาแม่มาเที่ยวก็นับเป็นเรื่องดีที่ลูกพึงกระทำ
พ่อ แม่ และคุณยายจึงนัดเพื่อไปทานข้าวกันหนึ่งมื้อที่สนามบินก็ที่จะบินต่อไปกระบี่ แม่ไต้เล่อก็ดูไม่แก่เลย ดูแข็งแรงด้วยยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนลูกสาวเลย
เท่านั้นยังไม่พอ เที่ยวนี้จัดทำเป็นรูปตั้งโต๊ะด้วยกรอบของ MUJI เป็นเรื่องราวของ “หลวงพระบาง” และ “อินทร์แขวน” หวังว่าทุกคนจะมีความสุขเมื่อได้เห็นมัน สำหรับพ่องานก็จบเพียงเท่านี้ ไม่หวังให้ใครมาชื่นชอบ ชื่นชม แค่เรามีเจตนาที่ดีก็พอแล้ว
อันเนื่องจาการไปเที่ยวพม่ากันของเพื่อนแม่กลุ่มมาแตร์ คราวที่แล้วพ่อทำของหลวงพระบาง คราวนี้ก็ทำอีก (ไม่เข็ด ทำแล้วก็ให้แม่คอยว่า ว่าใช้เวลามากเกินไป) ทำไงได้ล่ะ ภาพจำนวนมากที่ต้องดูเพราะเพื่อนแม่ทุกคนเอากล้องไปทุกคน แล้วก็ต้องมาเลือกรูปที่ดี โดยแบ่งเป็นกลุ่ม รูปหมู่และรูปเดี่ยวของแต่ละคน (แม่บอกว่าทำให้เหมือนกันเลย เพราะเกรงใจพ่อ อย่างงี้เรียกว่าอยากให้ทำแต่ไม่อยากให้ทำมาก) แล้วก็ไปสั่งอัดตามจำนวน และนำมาสอดในเล่มของแต่ละคน ใช้เวลาพอสมควรเชียวล่ะ
7เหล่ากู๋ คือน้องชายอาม่าคนที่ ๗ ไปอยู่ที่ USA เมื่อ๔๐กว่าปีมาแล้ว มีครอบครัวอยู่ที่โน่นด้วย ก็กลับมาร่วมในงานนี้ด้วย ลูกสาวคนโตชื่อ คริสตี้ (นั่งที่๒จากขวา)จบด็อกเตอร์ ทางเปียโน สอนอยู่ที่ไหนก็จำไม่ได้แล้ว 
เจ้าบ่าวเป็นฝรั่ง ตอนเช้าก็ทำพิธีพุทธ ตอนเย็นก็ทำพิธีคริสตร์ ซึ่งก็ดูอบอุ่นมากเหมือนในหนังเลย พอตอนเย็นก็เป็นการจัดเลี้ยงในบริเวณบ้านนั่นแหละ พ่อแม่ และพี่น้องพ่อทุกคนก็ไปเชียงใหม่แต่เช้ามืดและกลับในไฟล์ทสุดท้ายของวันนั้น
6เหล่ากู๋ คือน้องชายอาม่าคนที่ ๖เป็นหมอที่เป็นหลักคนสำคัญของตระกูล มีบุญคุณกับพ่อแม่หลายเรื่อง นับจากเป็นผู้ใหญ่ที่จัดงานแต่งงานของพ่อกับแม่เมื่อ ๒๗ ปีที่แล้ว และอื่นๆมาตลอด วันนี้จัดงานแต่งงานลูกสาว "ดร.เพียงใจ หรือน้าลูกหยี"(ก็มีศักดิ์เป็นน้องของพ่อ) ที่บ้านบนดอย ที่เชียงใหม่(เป็นตระกูลเก่าแก่เชื้อเจ้า ณเชียงใหม่)
เช้าวันที่ ๔ คุณยายไปหาหมอตาเพราะนัยตาพร่ามัว หมอวินิจฉัยแล้วว่าเพราะเลือดออกในลูกตา ซึ่งถ้าห้ามเลือดไม่ได้ก็มีผลให้ตาบอด แต่เพราะคุณยายจำเป็นต้องทานยาละลายลิ่มเลือดซึ่งจะทำให้เลือดไม่แข็งตัว นี่คือปัญหาใหญ่ คุณยายไปหาหลายหมอ แต่ในที่สุดก็จำเป็นต้องยิงเลเซอร์เพื่อหยุดเลือด ในภาพนี้คือวันที่14ม.ค. ต้องไปฉีดยาอีกเข็ม(ที่รพ.วิชัยยุทธ)ก่อนเข้าทำเลเซอร์ในวันรุ่งขึ้น แต่ปาฏิหารก็มีจริง ก่อนที่จะทำเลเซอร์หมอก็พบว่าเลือดหยุดแล้ว ซ้ำตาก็ยังไม่บอดด้วย (แต่เห็นไม่100%แล้ว) ซึ่งก็เป็นข่าวดีมาก


ภาพนี้เป็นภาพหน้าปก จัดองค์ประกอบตามสูตรของพ่อ ซึ่งก็ได้ผลดีนะ

แม่ และเพื่อนๆมาแตร์ ไปเที่ยวหลวงพระบาง ตามประสาเพื่อน โดยไม่มีสามีไปด้วยเลย งานนี้ก็เลยมันเป็นพิเศษ กลับมานานแล้วแม่ก็อยากให้พ่อทำอัลบั้มรูปให้ ซึ่งก็ไม่ขัดข้อง ไม่ใช่เพราะอยากทำ ไม่ใช่เพราะแม่ขอนะ แต่เพราะเรารู้ว่าเมื่อทุกคนเห็นอัลบั้มที่อัดเป็นกระดาษออกมาแล้วทุกคนจะชอบ และมีความสุขที่ได้ดูมัน เราก็พอใจแล้วที่ได้ทำให้คนอื่นมีความสุขได้จากความสามารถของเรา เพราะสมัยนี้ทุกๆคนก็ดูรูปจากหน้าจอเท่านั้น ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างกันมาก