เรายังต้องเดินทางต่อกันอีกหลายทอดกว่าจะถึงสถานนีที่จะต่อรถนอน (Nikko – Utsunomiya-Sendai-Hashinohe-Aomori) นี่เพียงวันที่2 ก็เหนื่อยกับการเดินทางซะแล้วเรา แต่ความเครียดเราก็ทิ้งไว้ที่นิคโก้แล้วล่ะ
เหตุการณ์นี้ทำให้พ่อสรุปได้กับตัวเองว่า “จุดหมายปลายทาง อาจไม่สำคัญเท่าการเดินทาง” แล้วทำไมเราจะมาอารมณ์เสียกันด้วยล่ะ ทำไมเราต้องหาคนผิดด้วยหรือ(ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตัวเรา) เพียงเพราะเราไปไม่ถึงปลายทางเท่านั้น แต่เราก็ยังได้เดินทางร่วมกันนี้ ก็จุดมุ่งหมายของการมาครั้งนี้เพราะเราต้องการอยู่ด้วยกัน เดินทางด้วยกันมิใช่หรือ
เรามุ่งหน้าโดยมีเป้าหมายที่ Nikko เดินนานพอสมควร เพราะเราพลาดรถไฟขาไปนิดหน่อยก็เลยไปถึงที่นิคโก้บ่ายมากแล้ว ฝนก็ตกพรำๆ พ่อก็ประสาทไปด้วยเรื่องเวลากลัวว่าจะไปต่อรถนอนที่เราจองไว้ตอนกลางคืนไม่ทัน เราจึงตัดสินใจยกเลิกนิคโก้ พอจะกลับก็ยังพลาดรถไฟอีกต้องรออีก ๑ ชั่วโมง จึงมีความเครียดกันนิดหน่อย พ่อก็จะบ่นว่าเป็นเพราะเราช้าในขั้นตอนต่างๆ แม่ก็ว่าทำไมเราไม่ถามการไปจากเจ้าหน้าที่ล่ะ ฝนตกก็ซื้อร่มได้นี่…
ละแวกร้านอาหารมีหลายร้าน ทั้งที่ต่อคิว และแบบว่างๆ เราก็ดูราคากันไป โดยมีพอเป็นคนเร่งเพราะอยากทำเวลามากกว่ามัวแต่เลือกร้าน สุดท้ายเราก็เลือกร้านที่ว่าง ไม่ต่อคิว ด้วยคิดว่า มันก็น่าจะเหมือนๆกันนะ แต่พอเข้าไปกินแล้ว (พ่อไม่ได้กินด้วย) ก็ดูจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เหมือนกับไม่ค่อยคุ้มกับการเดินทางหลายทอดหลายต่อขนาดนี้ ซ้ำมากินแล้วก็ไม่ค่อยกล้าสั่ง เพราะกลัวแพง ก็เลยแบ่งกันกิน
ใครๆมาโตเกียวเขาก็ไปตลาดปลา ซึกิจิ กัน ครั้งนี้เราก็เลยตามแห่ไปด้วย ยอมลากกระเป๋าติดตัวไปด้วย แต่เป็นเพราะยังเป็นวันแรก เราก็เลยยังไม่เหนื่อย การเดินทางไปโรงแรม จนมาถึงตลาดปลานี้ เมฆทำการบ้านมาดี มีการดูแผนที่ที่มีมุมมองแบบสายตาคนเดินจริงๆ เมื่อไปถึงเห็นสถานที่จริงก็เลยเหมือนเคยมาแล้ว
No comments:
Post a Comment